สำรวจ
แนะนำ
สอบเข้า
ออนไลน์

ครูสอนพิเศษ คุณภาพอันดับ1

หาครูสอนพิเศษตัวต่อตัว คลิกเลย

ค้นหาด้วยเสียง
ค้นหาด้วยเสียงคลิกที่นี่

» » เฉลยแนวข้อสอบภาษาอังกฤษ สอบเข้า ม.1

19 มีนาคม 2562

เฉลยแนวข้อสอบภาษาอังกฤษ สอบเข้า ม.1

เฉลยแนวข้อสอบวิชาภาษาอังกฤษ

เฉลยแนวข้อสอบวิชาภาษาอังกฤษ

ดูข้อสอบที่นี่


1. ตอบข้อ 2  เพราะในสถานการณ์มีฝนตกเข้ามาในห้องเรียนครูจึงควรใช้ประโยค Please close the window เพื่อให้นักเรียนช่วยกันปิดหน้าต่าง ส่วนคำตอบข้ออื่นไม่เหมาะสมกับสถานการณ์
ข้อที่ 1 Please come to the front.  “กรุณามาหน้าชั้นเรียน”
ข้อที่ 3 Please stand up by the windows. “กรุณายืนใกล้หน้าต่าง” 
ข้อที่ 4 Please walk through the windows. “กรุณาเดินผ่านหน้าต่าง”

2. ตอบข้อ 3 เพราะสถานการณ์คือ Sucha ไม่สามารถอ่านตัวอักษรจากหนังสือที่อ่านในห้องสมุดได้จึงขอให้ Pang ช่วยอ่านให้ฟังจึงควรใช้ประโยค Could you read them for me, please?  
“เธอช่วยอ่านให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม”ส่วนตัวเลือกข้ออื่นไม่ถูกต้องตามสถานการณ์
ข้อที่ 1 Could you clean them for me?   “ช่วยทำความสะอาดให้หน่อยได้หรือไม่”
ข้อที่ 2 Could you translate them for me?   “ช่วยแปลให้ฟังหน่อยได้ไหม”
ข้อที่ 4 Could you change them for me, please? “ช่วยเปลี่ยนตัวอักษรเหล่านี้หน่อยได้ไหม”

3. ตอบข้อ 3  เพราะสถานการณ์คือ Narin เติมพริกป่นลงไปในก๋วยเตี๋ยวมากเกินไป Mana จึงเสนอความเห็นว่า Narin อาจจะปวดท้องได้ จึงควรใช้ประโยค You could have a stomachache. “เดี๋ยวเธอก็ปวดท้องหรอก”ส่วนประโยคอื่นไม่ถูกต้องเหมาะสมตามสถานการณ์
ข้อที่ 1 You will get stronger soon.  “เธอจะแข็งแรงขึ้นแน่ๆ”  
ข้อที่ 2 You might get too much fat.  “เธอจะได้รับไขมันมากเกินไป”
ข้อที่ 4 You should pay more for this dish. “เธอต้องจ่ายเงินเพิ่มสำหรับอาหารจานนี้นะ”

4. ตอบข้อ 2  เพราะสถานการณ์เกิดขึ้นในห้องเรียนในวันแรกของการเปิดเทอม ทั้ง June และ  Tuck ต่างก็แนะนำตัวกันเป็นครั้งแรก จึงควรใช้ประโยคที่ถูกต้องตามวัฒนธรรมของเจ้าของภาษาในการแนะนำตัวเป็นครั้งแรกคือ How do you do? ส่วนประโยคอื่นไม่เหมาะสมกับสถานการณ์นี้
ข้อที่ 1 How are you?  ใช้ในการทักทายประจำวันสำหรับบุคคลคนที่รู้จักกันแล้ว  
ข้อที่ 3 What’s the matter?ใช้ถามถึงอาการความผิดปกติที่เราพบเห็นของบุคคลที่เราสนทนาด้วย
ข้อที่ 4 Where do you live?ใช้ถามถึงที่อยู่ของบุคคลที่เราสนทนาด้วย

5. ตอบข้อ 3  เพราะในสถานการณ์นี้ทั้งคู่สนทนากันในเรื่องของจำนวนสมาชิกในครอบครัวโดยที่คำตอบที่ Lek ตอบคือ จำนวนสมาชิกในครอบครัวของดังนั้น Ploy จึงควรถามเกี่ยวกับจำนวนสมาชิกในครอบครัว คือประโยค How many brothers and sisters have you got? ส่วนประโยคอื่นเป็นการถามที่ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์
ข้อที่ 1 What have your brothers and sisters got?  “พี่น้องเธอมีอะไรอยู่บ้าง”      
ข้อที่ 2 Where have your brothers and sisters gone? “พี่น้องของเธอไปไหน”
ข้อที่ 3 How have your brothers and sisters been doing? พี่น้องของเธอเป็นอย่างไรบ้าง”

6. ตอบข้อ 4   เพราะจากสถานการณ์ชาวต่างชาติไม่สามารถอ่านแผนที่ภาษาไทยออกและ Preeda ก็เข้าไปให้ความช่วยเหลือในการแนะนำเส้นทาง จึงควรใช้ประโยคที่แนะนำเส้นทางคือ You need to cross this street and turn right. It’s opposite the park. “คุณต้องข้ามถนนนี้ไปแล้วเลี้ยวขวา จากนั้นคุณจะเห็นมันอยู่ตรงข้ามกับสวนสาธารณะ”ส่วนประโยคอื่นเป็นการสนทนาที่ไม่เหมาะสมตามสถานการณ์
ข้อที่ 1 I am not sure you can get to the bank before it closes.  “ฉันไม่แน่ใจว่าคุณจะสามารถไปถึงธนาคารได้ทันเวลาหรือเปล่า”
ข้อที่ 2 The bank is a place where we can keep our money safely.  “ธนาคารเป็นสถานที่ๆ เราเราสามารถเก็บเงินไว้ได้อย่างปลอดภัย”
ข้อที่ 3 You should read it more carefully and you’ll understand it.  “คุณควรจะอ่านให้ดีแล้วก็จะเข้าใจเอง”

7. ตอบข้อ 3  เพราะในสถานการณ์นี้ Ploy กำลังรบกวนสมาธิในการทำการบ้านของ Pim ดังนั้น Pim จึงควรที่จะขอร้อง Ploy ให้เลิกรบกวนด้วยประโยคที่เหมาะสมคือ  Would you mind talking to me later? “จะรังเกียจไหมถ้าเราจะคุยกันทีหลัง”และเป็นการพูดที่สุภาพส่วนประโยคอื่นเป็นการสนทนาที่ไม่สุภาพนักในการขอร้องหรือแสดงความต้องการ
ข้อที่ 1 Are you trying to disturb me?“เธอจะรบกวนฉันหรืออย่างไร” 
ข้อที่ 2 Don’t talk to me now, Pim.“อย่ามาคุยกับฉันตอนนี้นะ” 
ข้อที่ 4 Shut up! I don’t want to talk to you now. “เงียบเลย! ฉันไม่อยากคุยกับเธอตอนนี้”

8. ตอบข้อ 4  ในสถานการณ์นี้ Dung เกิดอาการปวดขาในขณะที่กำลังคุยอยู่กับ Toh จนไม่สามารถเดินไหว 
Toh จึงควรให้คำแนะนำหรือช่วยเหลือที่เหมาะสมจึงควรใช้ประโยค You should sit down here for a while. ซึ่งเป็นการแนะนำให้ Dung นั่งพักสักครู่ก่อน  ส่วนประโยคอื่นเป็นการแนะนำที่ไม่เหมาะสม
ข้อที่ 1 We shall call the police.“เราควรจะเรียกตำรวจนะ”
ข้อที่ 2 We should run to the hospital. “เราควรวิ่งไปโรงพยาบาลนะ”
ข้อที่ 3 You should drink a lot of water. “เธอควรดื่มน้ำมากๆ”

9.ตอบข้อ 2  สถานการณ์นี้เกิดขึ้นในวิชาเรียนศิลปะ โดย Pat กำลังหาดินสอของตัวเองแต่ก็หาไม่พบ
ดังนั้นการสนทนาที่เหมาะสมสำหรับสถานการณ์นี้มากที่สุดคือ Pat ควรจะขอยืม ปากกาจาก Joy ด้วยประโยค May I borrow yours? “ฉันขอยืมปากกาของเธอหน่อยได้ไหม?”
ข้อที่ 1 Do you like art? ไม่เกี่ยวกับสถานการณ์เพราะเป็นการถามถึงวิชาเรียนที่ชอบ
ข้อที่ 3 Have you seen my pencil? “เธอเห็นปากกาฉันบ้างหรือเปล่า” (แต่คำตอบของ Joy เป็นการบอกว่าฉันมีปากกาอยู่มากมายดังนั้นจึงไม่เป็นการสนทนาที่ถูกต้อง)
ข้อที่ 4 Would you like to buy one? เป็นการถามว่า “เธอต้องการซื้อปากกาหรือไม่” จึงไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่กำหนดให้

10. ตอบข้อ 3  เพราะสถานการณ์นี้พูดถึงนักเรียนในโรงเรียนระหว่างการสอบโดยที่ Git และ Jar ชักชวน Pon ให้ไปอ่านหนังสือด้วยกันที่ห้องสมุดแต่ Pon ปฏิเสธ ดังนั้นทั้ง Jar จึงแสดงความรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ประโยคที่เหมาะสมที่สุดคือ I think he’s going to fail because he doesn’t read. “ฉันว่าเขาคงจะต้องสอบตกแน่ๆเพราะเขาไม่ยอมอ่านหนังสือเลย”
ข้อที่ 1 I think he’s will not go to the test today. “ฉันว่าเขาคงไม่ไปสอบแน่เลยวันนี้”          
(เป็นประโยคที่ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์นี้เพราะนักเรียนไม่ควรที่จะไม่เข้าสอบ) 
ข้อที่ 2 I think he’s going to be sick because of football. “ฉันว่าเขาคงจะไม่สบาย เพราะฟุตบอลแน่ๆเลย” (เป็นการสนทนาที่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญของสถานการณ์นี้) 
ข้อที่ 4 I think he’s going to be sad because he plays every day. “ฉันว่าเขาคงจะ เสียใจที่ได้เล่นฟุตบอลทุกๆวัน” (เป็นประโยคสนทนาที่ไม่เป็นเหตุเป็นผลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น)

11. ตอบข้อ 4  เพราะในสถานการณ์นี้ครูถามนักเรียนเพื่อให้นักเรียนได้บอกความแตกต่างระหว่างรถยนต์ และรถจักรยาน ดังนั้นนักเรียนจึงควรวิเคราะห์และบอกความแตกต่างระหว่าง 2 สิ่งนี้ให้เหมาะสมและเป็นเหตุเป็นผลที่สุด ซึ่งคือประโยค I like cars because they are more comfortable than bicycles. “ผมชอบรถยนต์เพราะมันสะดวกสบายกว่ารถจักรยาน”    
ข้อที่ 1 I like bicycles because they are lighter than cars. “ผมชอบรถจักรยานเพราะว่ามันมีน้ำหนักเบากว่ารถยนต์” (เป็นคำตอบที่ไม่สมเหตุสมผล)   
ข้อที่ 2 I like bicycles because they are more durable than cars. “ผมชอบรถจักรยานเพราะมันคงทนกว่ารถยนต์” (เป็นคำตอบที่ไม่สมเหตุสมผล)
ข้อที่ 3 I like cars because they are more expensive than bicycles. “ผมชอบ รถยนต์เพราะว่ามันมีราคาแพงกว่ารถจักรยาน” (เป็นคำตอบที่ไม่สมเหตุสมผล)

12. ตอบข้อ 4  เพราะสถานการณ์ที่กำหนดให้คือการฝึกขี่จักรยานดังนั้นประโยคสนทนาที่เหมาะสมก็ควรเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการขี่จักรยานหรือการแนะนำในการขี่จักรยาน ประโยคสนทนาที่เหมาะสมที่สุดจากตัวเลือกที่กำหนดให้คือ You need to bring a helmet and knee guard. “เธอควรจะนำหมวกกันน๊อคและสนับเข่ามาด้วยนะ” ซึ่งเป็นการให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับสถานการณ์ส่วนคำตอบข้ออื่นไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่กำหนดให้
ข้อที่ 1 You should come early. “เธอควรมาแต่เช้านะ” (เนื้อความไม่สมเหตุสมผลกับสถานการณ์ที่กล่าวถึงการหัดขี่จักรยาน)
ข้อที่ 2 You will have to call me tomorrow. “เธอต้องโทรมาบอกฉันก่อนนะ” (เนื้อความไม่สมเหตุสมผลเพราะในบทสนทนาได้กล่าวถึงการตกลงร่วมกันแล้วไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวซ้ำ)
ข้อที่ 3 You can eat something before practice. “เธอจะกินอะไรมาก่อนฝึกก็ได้นะ” (ประโยคยังไม่สมเหตุสมผลกับสถานการณ์ที่กำหนดให้)

13. ตอบข้อ 3  เพราะในสถานการณ์เป็นการให้เหตุผลและบอกถึงสาเหตุอาการเจ็บป่วย ดังนั้นจากตัวเลือกที่กำหนดให้ประโยคที่เหมาะสมที่สุดในการให้เหตุผลในสถานการณ์นี้คือ you ate too many ice cubes yesterday. “เมื่อวานนี้เธอกินน้ำแข็งมากเกินไป”(ประโยคนี้บอกถึงสาเหตุของการไม่สบายได้สมเหตุสมผลที่สุด)
ข้อที่ 1 you went to bed early yesterday. “เมื่อวานนี้เธอเข้านอนเร็วเกินไป” (เป็นประโยคที่ไม่สมเหตุสมผลกับสถานการณ์)
ข้อที่ 2 you ate too much fruit yesterday. “เมื่อวานนี้เธอกินผลไม้มากเกินไป” (เป็นประโยคที่ไม่สมเหตุสมผลกับสถานการณ์)
ข้อที่ 4 you finished your homework yesterday.  “เมื่อวานนี้เธอทำการบ้านเสร็จเร็วเกินไป” (เป็นประโยคที่ไม่สมเหตุสมผลกับสถานการณ์)

14. ตอบข้อ 4  ในสถานการณ์นี้เป็นการพูดถึงการประกอบอาหารขึ้นมาใหม่จากวัตถุดิบที่มีอยู่คือ ไข่ไก่ น้ำมัน และน้ำปลา และอาหารที่เหมาะสมที่สุดจากตัวเลือกที่กำหนดให้คือ การทำไข่เจียว และประโยคที่ถูกต้องเหมาะสมที่สุดคือ We should cook make an omelet. “เราควรจะทำไข่เจียวกัน”
ข้อ 1 We should make a hot curry.  “เราน่าจะทำแกงเผ็ดกันนะ”  
ข้อ 2 We should make some noodles. “เราน่าจะทำก๋วยเตี๋ยวทานกัน”
ข้อ 3 We should make a bowl of soup. “เราทำซุปทานกันดีกว่า”

15. ตอบข้อ 3  เพราะจากสถานการณ์ที่กำหนดให้เราจำเป็นต้องวิเคราะห์ถึงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่สนทนากันแล้วจึงสังเคราะห์เพื่อสร้างประโยคที่เหมาะสมให้กับสถานการณ์นั้น ดังนั้นประโยคที่เหมะสมที่สุดคือI’m so sorry, teacher. “ขอโทษครับ คุณครู” (สถานการณ์นี้เป็นความสัมพันธ์ระหว่างคุณครูกับนักเรียน ที่ขอดูการบ้านของนักเรียน โดยทราบได้จากประโยค I’m not giving you any point’s next time “คราวหน้าครูจะไม่ให้คะแนนเธอแน่” ส่วนประโยคในข้ออื่นไม่ถูกต้องเพราะเป็นการพูดที่ไม่เหมาะสม
ข้อที่ 1 That’s very good.  “ดีเลยครับ”
ข้อที่ 2 Don’t get too angry.  “อย่าโกรธเลย”
ข้อที่ 4 I’m happy to hear that.  “ดีใจจังที่ได้ยินแบบนั้น”

16. ตอบข้อ 3  เพราะเมื่อใครมาแซงคิว ควรบอกให้เข้าไปต่อท้ายแถว ควรพูดว่า “Go to the back of the line” 
ข้อ 1 แปลว่า “รอฉันด้วย” ไม่เข้ากับสถานการณ์ 
ข้อ 2  แปลว่า“เดี๋ยวจองที่ไว้ให้นะ”  ไม่เข้ากับสถานการณ์
ข้อ 4  แปลว่า“รอเดี๋ยวนะ ฉันจะให้เธอผ่านไปก่อน” ไม่เหมาะสม

17. ตอบข้อ 3  เพราะเมื่อภรรยาหัวหน้าเสนอเค้กที่คุณไม่ชอบมาให้ และตองการปฏิเสธอย่างสุภาพ ควรพูดว่า “Thanks, but I’m on a diet.”(ขอบคุณค่ะ แต่ฉันกำลังลดน้ำหนักอยู่)
ข้อ 1 แปลว่า “ฉันเกลียดเค้กแบบนั้น” ไม่รักษาน้ำใจคนให้ 
ข้อ 2  แปลว่า“ขออันอื่นค่ะ”  ไม่รักษาน้ำใจคนให้
ข้อ 4  แปลว่า“ไม่มีที่ดีกว่านี้แล้วรึ” ไม่รักษาน้ำใจคนให้ (หยาบคาย)

18. ตอบข้อ 2  เพราะ สถานการณ์คือคุณแม่เพื่อนป่วยมาก จะพูดให้เพื่อนรู้สึกดีขึ้น ควรตอบว่า “Is there anything I can do?” แปลว่า มีอะไรให้ช่วยไหม
ข้อ 1 แปลว่า“คราวหน้า คงโชคดีกว่านี้” 
ข้อ 3 แปลว่า”อย่ากังวลไป มันไม่สำคัญหรอก”
ข้อ 4 แปลว่า “เสียใจไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น” เหมือนนมที่หกไปแล้วจะใส่แก้วคืนก็ไม่ได้

19. ตอบข้อ 1  เพราะตามมารยาททางสังคม เมื่อต้องลากลับก่อนในงานใดๆ สามารถใช้คำว่า “I'm afraid     I have to go.” 
ข้อ 2 แปลว่า “ดึกแล้วนะ ราตรีสวัสดิ์” ใช้เมื่อบอกลากัน ก่อนนอน 
ข้อ 3  ข้อความไม่สมเหตุสมผล
ข้อ 4  แปลว่า“ขอบคุณที่มา แล้วพบกัน” เจ้าของงานเลี้ยงพูดกับแขก

20. ตอบข้อ 4  เพราะผู้ชายถามผู้หญิงว่า “จะรังเกียจไหมหากขอเปิดวิทยุสักครู่” ผู้ชายตอบว่า “แจ๋ว มีรายการที่ผมชอบด้วย” แสดงว่า ผู้หญิงยินดีให้ผู้ชายเปิดวิทยุได้ จึงสามารถตอบว่า “It’s okay with me.” หรือ No. I don’t mind (แปลว่า ยินดี ไม่รังเกียจ)
ข้อ 1, 2,3 ล้วนปฏิเสธการร้องขอทั้งสิ้น







Total Rating ✔

9.2 stars – 2,789 reviews

More Reviews

แสดงความคิดเห็น

เฉลยแนวข้อสอบภาษาอังกฤษ สอบเข้า ม.1

เฉลยแนวข้อสอบ, แนวข้อสอบ, test