วิชาสังคมศึกษา มัธยม
เศรษฐกิจระหว่างประเทศ
1. การค้าระหว่างประเทศ
1.1 สาเหตุของการค้าระหว่างประเทศ ได้แก่1. ความแตกต่างทางด้านกายภาพ โดยเฉพาะด้านทรัพยากรธรรมชาติ
2. ความแตกต่างด้านความชำนาญในด้านการผลิต
1.2 ประโยชน์ของการค้าระหว่างประเทศ
1. ประเทศผู้นำเข้าได้สินค้าที่ผลิตไม่ได้มาสนองความต้องการในราคาที่ถูกและคุณภาพดี
2. ประเทศผู้ส่งออกขยายตลาดสินค้าให้กว้างขึ้น ทำให้รายได้เข้าประเทศมากขึ้น
1.3 ดุลการค้าระหว่างประเทศ
1. ดุลการค้าระหว่างประเทศ คือ การเปรียบเทียบมูลค่าสินค้าออกกับมูลค่าสินค้าเข้าในระยะเวลา 1 ปี
2. ดุลการค้าแบ่งได้เป็น 3 ลักษณะ คือ
- ดุลการค้าสมดุล คือ มูลค่าสินค้าออกเท่ากับมูลค่าสินค้าเข้า
- ดุลการค้าขาดดุล คือ มูลค่าสินค้าออกน้อยกว่ามูลค่าสินค้าเข้า
- ดุลการค้าเกินดุล คือ มูลค่าสินค้าออกมากกว่ามูลค่าสินค้าเข้า
1.4 นโยบายการค้าระหว่างประเทศ
1. นโยบายการค้าเสรี มีลักษณะสำคัญคือ ส่งเสริมให้การค้าระหว่างประเทศกระทำกันได้โดยเสรี โดยรัฐบาลเข้าไปเกี่ยวข้องน้อยมาก คือ
- ใช้หลักการแบ่งงานกันทำ คือ เลือกผลิตสินค้าที่ประเทศมีความชำนาญในการผลิต
- ไม่มีการเก็บภาษีเพื่อคุ้มกัน แต่เก็บภาษีเพื่อเป็นรายได้ของรัฐ
- ไม่มีการให้สิทธิพิเศษหรือไม่มีข้อจำกัดทางการค้ากับประเทศต่างๆ
*ปัจจุบัน ไม่มีประเทศใดใช้นโยบายการค้าเสรี
2. นโยบายการค้าคุ้มกัน มีลักษณะสำคัญคือ รัฐบาลใช้เครื่องมือต่างๆ เพื่อกีดกันการนำสินค้าเข้าออก ได้แก่
- กำแพงภาษี คือ เก็บภาษีเข้าในอัตราสูง
- การควบคุมปริมาณสินค้าเข้าและออก
- การให้ความอุดหนุนเพื่อคุ้มครองสินค้าอุตสาหกรรมภายในประเทศและส่งเสริมสินค้าออก เช่น ยกเว้นภาษีสำหรับสินค้าออก
* ประเทศต่างๆใช้นโยบายการค้าคุ้มกันเพื่อ
- คุ้มครองอุตสาหกรรมภายในประเทศ
- ป้องกันการทุ่มตลาด(กำหนดราคาสินค้าต่ำกว่าทุนในช่วงแรก เมื่อสินค้าติดตลาดจะขึ้นราคาสินค้าภายหลัง)
- แก้ปัญหาดุลการค้าขาดดุล
- ช่วยเหลือประเทศในยามฉุกเฉิน เช่น ยามสงครามไม่ให้ส่งสินค้าออกจากประเทศ
2. การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ1. ความสำคัญของการแลกเปลี่ยนอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ มีผลต่อสินค้าเข้า สินค้าออก ดุลการค้า
1. ถ้าการลดค่าเงินของประเทศ
- ราคาสินค้าออกจะถูกลงในสายตาคนต่างชาติ ทำให้สินค้าออกมีปริมาณเพิ่มขึ้น
- ราคาสินค้าเข้าจะแพงขึ้นในสายตาคนในประเทศ ทำให้สินค้าเข้ามีปริมาณลดลง
2. ถ้ามีการเพิ่มค่าเงินของประเทศ
- ราคาสินค้าออกจะแพงขึ้นในสายตาคนต่างชาติ ทำให้สินค้าเข้ามีปริมาณลดลง
- ราคาสินค้าเข้าจะถูกลงในสายตาคนในประเทศ ทำให้สินค้าเข้ามีปริมาณเพิ่มขึ้น
2. ระบบอัตราแลกเปลี่ยน
1. ระบบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ : รัฐกำหนดให้อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ระดับคงที่เป็นเวลานาน
2. ระบบอัตราแลกเปลี่ยนที่ถูกกับเงินสกุลอื่น : รัฐกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนให้คงที่ แต่เปิด โอกาสให้ปรับอัตราแบบค่อยเป็นค่อยไปได้บ้างในกรณีที่ขาดดุลการชำระเงินมาก
3. ระบบอัตราแลกเปลี่ยนเสรีหรือลอยตัว : รัฐจะปล่อยให้อัตราแลกเปลี่ยนเคลื่อนไหวอย่างเสรีโดยไม่เข้าไปแทรกแซง
4. ระบบอัตราแลกเปลี่ยนกึ่งลอยตัว : รัฐจะเข้าไปซื้อขายเงินตราต่างประเทศเพื่อปรับอัตราแลกเปลี่ยนให้เคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ต้องการได้บ้าง
5. ระบบควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตรา : รัฐเข้าแทรกแซงโดยควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
- ระบบอัตราการแลกเปลี่ยนแบบคงที่ไม่มีใช้ในปัจจุบัน
- มีการใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบกึ่งลอยตัวและแบบที่ถูกกับเงินตราสกุลอื่นกันมากในปัจจุบัน
- ระบบการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตรามีไว้ใช้ในประเทศไม่มากนัก
3. ประเทศไทยในปัจจุบัน ใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว
3. ดุลการชำระเงินระหว่างประเทศ
3.1 ดุลการชำระเงินประเทศ1. ดุลการชำระเงินเป็นเป็นบัญชีแสดงฐานะเศรษฐกิจประเทศโดยเปรียบเทียบระหว่างเงินเข้าประเทศ(รายรับ) และเงินออกจากประเทศ(รายจ่าย)
- ยอดสรุปของบัญชีดุลชำระเงิน(เรียกว่า ทุนสำรองระหว่างประเทศ) แต่ละประเทศจะแจ้งไปให้ทราบ
2. เมื่อเงินเข้าประเทศมีมากกว่าเงินที่อกนอกประเทศ = ดุลการชำระเงินเกินดุล
- เศรษฐกิจของประเทศจะดี คือมีภาวะเงินเฟ้อ
- ทุนสำรองของประเทศจะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้
1. ประเทศสามารถพิมพ์ธนบัตรออกใช้มากขึ้น
2. ระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศมีเสถียรภาพ(ค่าของเงินประเทศแข็งค่า
3. เศรษฐกิจของประเทศดูมีเสถียรภาพในสายตาของต่างประเทศ
3. เมื่อเงินออกนอกประเทสมากกว่าเงินที่เข้าประเทศ = ดุลการชำระเงินขาดดุล
- เศรษฐกิจของประเทศจะไม่ดี คือมีภาวะเงินฝืด
- ทุนสำรองระหว่างประเทศลดลง ส่งผลให้
1. ระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศของประเทศจะไม่มีเสถียรภาพ(ค่าของเงินประเทศอ่อนค่า)
2. เศรษฐกิจของประเทศดูไม่มีเสถียรภาพในสายตาต่างประเทศ
3.2 ส่วนประกอบของดุลการชำระเงิน
1. บัญชีเดินสะพัด ประกอบด้วยบัญชีดุลการค้า บัญชีดุลบริดาร และบัญชีดุลบริจาค (ดุลเงินโอน)
- ดุลการค้า : แสดงมูลค่าสินค้าออกและสินค้าเข้า
- ดุลบริการ : แสดงมูลค่าบริการระหว่างประเทศ
- ดุลบริจาค : (ดุลเงินโอน)แสดงการรับและให้เงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ
2. บัญชีทุนเคลื่อนย้าย : รายการการลงทุน หรือเงินกู้ข้ามชาติ
3. บัญชีทุนสำรองระหว่างประเทศ : เป็นยอดสรุปของดุลการชำระเงิน
**ทุนสำรองระหว่างประเทศประกอบด้วย เงินตราต่างประเทศ ทองคำ หลักทรัพย์ที่ธนาคารกลางถือไว้ และสิทธิถอนพิเศษ (SDR)
ที่น่าสังเกตคือ ไม่มีความสัมพันธ์ว่า ถ้าเกิดขาดดุลตัวใดตัวหนึ่งจะต้องทำให้อีกตัวในบัญชีขาดดุล เช่น ขาดดุลการค้า แล้วต้องขาดดุลการชำระเงิน x - ขาดดุลการค้า แล้วต้องขาดดุลบัญชีเดินสะพัด x - ขาดดุลการชำระเงิน แล้วต้องขาดดุลบัญชีเดินสะพัด x * แต่ที่แน่ๆคือดุลการชำระเงิน กับทุนสำรองระหว่างประเทศจะมียอดเดียวกัน (เกินดุลก็จะเกินดุลทั้งคู่ ขาดดุลก็จะขาดดุลทั้งคู่)
3.3 การแก้ไขปัญหาดุลการชำระเงินขาดดุล
1. การเพิ่มรายได้
- ส่งเสริมให้มีสินค่าขาออกมากๆ โดยลดภาษีขาออก หาตลาดนอกประเทศ ปรับปรุงคุณภาพสินค้า รัฐบาลยกเว้นภาษีวัตถุดิบสำหรับสินค้าอุตสาหกรรมในประเทศ
- ชักชวนให้ชาวต่างประเทศเดินทางมาเที่ยวหรือลงทุนมากขึ้น
2. การลดรายจ่าย
- ส่งเสริมให้ประชาชนประหยัด
- ลดการสั่งสินค้าเข้าโดยใช้มาตรการต่างๆ เช่น ตั้งกำแพงภาษี
3. วิธีการอื่นๆ
- ลดค่าเงินของประเทศตน
- กู้ยืมจากต่างประเทศ
- ปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ภายในประเทศ เพื่อไม่ให้เงินกู้ต่างประเทศไหลเข้ามามาก
4. การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
4.1 ประเภทของการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ4.2 ความเป็นมาของการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ
1. การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจเริ่มมีความสำคัญมากหลังสงครามโลกครั้งที่ 1(ทศวรรษที่ 1980)โดยที่ช่วงนี้การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจเกิดจาก
1. ประเทศมหาอำนาจมุ่งมั่นจะเป็นผู้นำในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
2. ประเทศอังกฤษและประเทศมหาอำนาจในยุคก่อนๆพยายามรักษาอำนาจตนไว้
- การรวมกลุ่มระยะนี้กลายมาเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งของสงครามโลกครั้งที่ 2
2. หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการจัดตั้ง
- ข้อตกลงทั่วไปว่าด้วยภาษีศุลกากรและการค้า(GATT)เพื่อปฏิรูปการค้าของโลกให้เป็นการค้าเสรี
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF)เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินของโลก
3. ทศวรรษที่ 1950-1960 มีการจัดตั้ง
- "ประชาคมเศรษฐกิจยุโรป" (EEC)
- "ประชาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป" (EFTA)
- "สมาคมการค้าเสรีแห่งลาตินอเมริกา" (LAFTA)
- "กลุ่มประเทศผู้ส่งนำมันออก" (OPEC)
- "สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" (ASEAN)
4. ทศวรรษที่ 1980 เป็นต้นมา มีการจัดตั้ง
- "ประชาคมยุโรป" (EC)
- "เขตการค้าเสรีแห่งอเมริกาเหนือ" (NAFTA)
- "เขตการค้าเสรีอาเซียน" (AFTA)
4.3 การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจทั่วไป
1. ธนาคารโลก (World Bank)
- ธนาคารโลกมีหน้าที่ให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศกำลังพัฒนาทางด้านการเงินและวิทยาการ โดยผ่านสถาบันในเครือ เช่น IDA, IFC
- ด้านการเงิน : ธนาคารโลกจะให้เงินกู้ระยะยาว ที่มีดอกเบี้ยต่อเพื่อให้ประเทศกำลังพัฒนานำไปใช้พัฒนาเศรษฐกิจ
- ด้านวิทยาการ : ธนาคารโลกมีบทบาทต่อการกำหนดนโยบายและกลยุทธในการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของประเทศลูกหนี้ เช่น เสนอให้มีแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และเสนอแนวนโยบายในแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
2. กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund - IMF)
- ทำหน้าที่ดูแลด้านการค้าแลการเงินระหว่างประเทศ โดยดูแลเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ และดุลการชำระเงินให้ราบรื่น
**IMF จะให้เงินกู้ระยะสั้นแก่ประเทศสมาชิก เพื่อนำไปใช้แก้ปัญหาเกี่ยวกับดุลการชำระเงินละอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศ
- วิวัฒนาการการรักษาอัตราแลกเปลี่ยน
1. ระบบเบรตตันวูดส์ คือ ใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่และเทียบค่าเงินของประเทศต่างๆกับค่าเงินดอลล่าร์ของสหรัฐอเมริกา
2. ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว และควบคุม โดยให้อัตราแลกเปลี่ยนขึ้นกับภาวการณ์ของประเทศสมาชิก โดยเทียบค่าเงินของประเทศกับเงินสกุลใดก็ได้
3. องค์การการค้าโลก (GATT, WTO)
วัตถุประสงค์ ปฏิรูปการค้าของโลกให้เป็นเสรี
- สินค้าที่อยู่ภายใต้ WTO ส่วนมาเป็นสินค้าหัตถอุตสาหกรรมจากประเทศพัฒนาแล้วไม่รวมสินค้าเกษตรกรรมและผลิตภัณฑ์สิ่งทอ ทำให้ประเทศที่พัฒนาแล้วได้เปรียบ
4. การประชุมว่าด้วยการค้าและการพัฒนาของสหประชาชาติ (UNTAD)
1. เกิดจากการรวมกลุ่มของประเทศ กลุ่มไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด เพื่อช่วยเหลือด้านการค้าของประเทศกำลังพัฒนา
2. นโยบาย
- เน้นประเทศกำลังพัฒนา
- ให้แต่ละประเทศจัดการด้านเศรษฐกิจของตนอย่างเสรี
- ส่งเสริมให้ประเทศกำลังพัฒนามีการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ
3. มีกลุ่ม 2 กลุ่มใน UNTAD ที่กำหนดแนวทางของกลุ่มก่อนการประชุม คือ "กลุ่มประเทศ 77" ซึ่งเป็นกลุ่มของประเทศกำลงพัฒนา และ "องค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา" (OECD) ซึ่งเป็นกลุ่มของประเทศพัฒนาแล้ว
4. บทบาทและอิทธิพล
- ผลักดันให้เกิดการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ทำให้ประเทศกำลังพัฒนาส่งสินค้าเข้าไปขายยังประเทศที่พัฒนาแล้วได้ในต้นทุนที่ต่ำกว่า
***สินค้าที่ระบุใน GSP ส่วนมากจะเป็นสินค้าหัตถกรรมและสินค้าหัตถอุตสาหกรรม***
4.4 การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจเฉพาะบางภูมิภาค
1. สหภาพยุโรป (European unity : EU)
- ประเทศสมาชิก 16 ประเทศ คือ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก อังกฤษ เดนมาร์ก ไอร์แลนด์ กรัซ สเปน โปรตุเกส สวีเดน ฟินแลนด์ ออสเตรีย ตุรกี
- สำนักงานใหญ่ กรุงบรัสเซลส์ เบลเยี่ยม
- จุดประสงค์สำคัญ เป็น ต้องการรวมกลุ่มเศรษฐกิจอย่างสมบูรณ์ (ใช้เงินตราสกุลเดียวกันคือ เงินEURO)
2. สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (Europaen Free Trade Association : EFTA)
- ประเทศสมาชิก 4 ประเทศ คือ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ ลิกเตนส์ไตน์
- สำนักงานใหญ่ เมืองเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์
- จุดประสงค์สำคัญ เขตการค้าเสรี
3. เขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (North America Free Trade Area : NAFTA)
- ประเทศสมาชิก 4 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา แคนาดา เม็กซิโก และ
- จุดประสงค์สำคัญ ร่วมมือกันด้านภาษีนำเข้า การลงทุนและการเคลื่อนย้ายแรงงานระหว่างประเทศ ด้านพลังงานและการคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา
***NAFTA มีลักษณะเป็น "กึ่งตลาดร่วม" ***
4. กลุ่มตลาดร่วมอเมริกากลาง (CAEI)
- ประเทศสมาชิก คอสตาริกา เอลซัลวาดอร์ กัวเตมาลา ฮอนดูรัส นิการากัว
- วัตถุประสงค์เพื่อสร้างตลาดร่วมในกลุ่มสมาชิก
5. สมาคมการค้าเสรีแห้งละตินอเมริกา (LAFTA)
- ประเทศสมาชิก 11 ประเทศ คือ อาร์เจนตินา โยลิเวีย บราซิล ชิลี โคลัมเบีย เอกวาดอร์ เม็กซิโกปารากวัย เปรู อุรุกวัย เวเนซูเอลา
- วัตถุประสงค์สำคัญ สนับสนุนการค้าเสรีในกลุ่มระเทศ และสนับสนุนให้มีอุตสาหกรรมที่ผลิตสินค้าใช้ร่วมกันในการพัฒนาด้านการเกษตร
6. สมาคมอาเซียน (ASEAN)
- ประเทศสมาชิก 10 ประเทศ คือ สิงคโปร์ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ บรูไน เวียดนาม พม่า ลาว และกัมพูชา
- สำนักงานใหญ่ เมืองจาการ์ตา อินโดนีเซีย
- จุดประสงค์สำคัญ เป็นเขตการค้าเสรี และร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ (อุตสาหกรรม เกษตร คมนาคมขนส่ง) รวมทั้งร่วมมือกันด้านสังคมและการเมือง
* อาเซียนมีนโยบายกำหนดให้เอเชียตะวันอกเฉียงใต้เป็นเขตสันติภาพเสรีภาพ และความเป็นกลาง
การร่วมมือกันทางอุตสาหกรรมของ ASEAN
1. ประเทศสมาชิกเลือกผลิตชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์สินค้าอุตสาหกรรมที่ตนถนัด และส่งขายให้แก่กัน โดยยกเว้นภาษีขาเข้า2. คัดเลือกและส่งเสริมโครางการอุตสาหกรรมที่เหมาะสมที่จะจัดตั้งในประเทศสมาชิก
- โครงการแอมโมเนีย - ยูเรีย จัดตั้งที่ อินโดนีเซียและมาเลเซีย
- โครงการปุ๋ยฟอสเฟต จัดตั้งที่ ฟิลิปปินส์
- โครงการผลิตเครื่องยนต์ดีเซล จัดตั้งที่ สิงคโปร์
- โครงการหินเกลือโซดาแอช จัดตั้งที่ ไทย
- ความมุ่งหมาย ค่อยๆ คิดภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าส่วนใหญ่ที่ค้าขายกันได้เหลือร้อยละ 5 ภายใน 15 ปี(จรกลายเป็นข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน : AFTA)
7. เอเปก (Asia - Pacific Economic Cooperation : APEC)
- ประเทศสมาชิก 21 ประเทศ คือ ออสเตรเลีย บรูไน แคนาดา อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา ไทย สาธารณรัฐประชาชนจีน ไต้หวัน ฮ่องกง
- จุดประสงค์สำคัญ ส่งเสริมความร่วมมือในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจร่วมกัน ส่งเสริมการค้าเสรีและตั้งรับการรวมเป็นตลาดเดียวของประชาคมยุโรป
8. กลุ่มประเทศผู้ส่งนำมันออก ( Organization of Petroleum Exporting Countries : OPEC)
- ประเทศสมาชิก 13 ประเทศคือ อิหร่าน อิรัก คูเวต ซาอดิอาระเบีย กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ลิเบีย แอลจีเรีย กาบองไนจีเรีย เวเนซูเอลา เอกวาดอร์ อินโดนีเซีย
- จุดประสงค์สำคัญ สร้างอำนาจต่อรองในเรื่องของราคาและเงื่อนไขการขายนำมัน
4.5 ผลจากการรวมกลุ่มเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
1. มีการเคลื่อนย้ายทุนเข้าไปกลุ่มประเทศที่มีการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจมากขึ้น เพื่อลดการกีดกันด้านภาษีจากประเทศนอกกลุ่มประเทศ
2. สินค้าส่งออกถูกกีดกันจากประเทศที่ไม่ได้เป็นกลุ่มสมาชิก
3. บางประเทศต้องนำเข้าสินค้าบางประเภทที่จริงๆแล้วผลิตเองได้ แต่ไม่สามารถแข่งขันกับประเทศในกลุ่มเศรษฐกิจเดียวกันได้
5. ปัญหาการค้าระหว่างประเทศของประเทศกำลังพัฒนา
5.1 สินค้าออกเป็นสินค้าเกษตรและวัตถุดิบที่มีราคาแต่ สินค้าเข้าเป็นสินค้าอุตสาหกรรมที่มีราคาสูง ทำให้ขาดดุลการค้าอย่างมาก5.2 สินค้าออกเป็นสินค้าเกษตรที่ขึ้นกับฤดูกาล ทำให้ได้ผลผลิตน้อย และบางครั้งก็ได้ผลผลิตมากจนราคาตก
5.3 สินค้าเกษตรถูกกีดกันจากประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐฯ ออกกฎหมาย Farm act (ให้เงินอุดหนุนสินค้าเกษตรของตนให้ราคาต่ำกว่าตลาดโลก), ญี่ปุ่นจำกัดโควตาสินค้าเกษตรนำเข้า
5.4 องค์การระหว่างประเทศมีนโยบายที่เป็นผลดีต่อประเทศอุตสาหกรรมมากกว่าประเทศยากจน
Total Rating ✔
9.2 stars – 2,789 reviews
More Reviews
อ่านรีวิว ทั้งหมดคลิก
แสดงความคิดเห็น
สรุปสังคมศึกษา เรื่องเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
สรุปสังคมศึกษา ม.ต้น, doc