" สพฐ.แจ้ง 5 ขั้นตอน ซ้ำชั้น โรงเรียนทั่วประเทศ
วัดผลหลายแบบ-ซ่อมเสริม-สอบแก้ตัว
ผ่านไม่ถึงครึ่ง เกรดต่ำ 1.00 ให้เรียนซ้ำ "
เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า
ตามที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) วิเคราะห์ข้อดี ข้อเสีย ของการเรียนซ้ำชั้น โดย สพฐ.ได้สรุปข้อมูลเสนอรัฐมนตรีว่าการ ศธ.พิจารณาแล้ว ทั้งนี้ จากการเปิดให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งผู้ปกครอง ผู้บริหารสถานศึกษา ครู นักวิชาการ นักจิตวิทยา และผู้เกี่ยวข้องจากหลายภาคส่วน แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ มีทั้งผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
ผู้ที่เห็นด้วยมองว่าการให้เรียนซ้ำชั้น ควรเริ่มตั้งแต่ชั้น ป.1 เพื่อให้อ่านออก เขียนได้ มีความรู้ที่จะเรียนในระดับที่สูงขึ้น ช่วยให้ผู้เรียนกระตือรือร้น ให้ความสำคัญกับการเรียน และเข้าใจในเนื้อหาที่เรียนมากขึ้น
สำหรับข้อเสีย ส่วนใหญ่โดยเฉพาะนักจิตวิทยากังวลว่าจะมีผลกระทบทางจิตใจ ส่งผลต่อความสัมพันธ์ พฤติกรรมทางสังคม ทำให้เด็กเครียด และถ้าเป็นนักเรียนระดับมัธยม อาจถึงขั้นไม่เรียน และตัดสินใจลาออก ขณะที่ผู้ปกครองบางคนมองว่าทำให้เด็กเสียเวลา ขาดโอกาส ทั้งนี้ที่ผ่านมา
สพฐ.ไม่เคยมีนโยบายห้ามไม่ให้เด็กที่สอบตกเรียนซ้ำชั้น และเรื่องนี้กำหนดไว้ในปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามหลักสูตรอยู่แล้ว เพียงแต่โรงเรียนอาจไม่เข้าใจ ดังนั้น จึงได้เสนอให้ออกหนังสือซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับแนวปฏิบัติดังกล่าวไปยังผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทั่วประเทศ เพื่อแจ้งไปยังโรงเรียนต่างๆ
ทั้งนี้ ได้มีการกำหนดแนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามหลักสูตรดังกล่าว เพื่อให้สถานศึกษานำไปปฏิบัตินั้น เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ชัดเจน และตรงกัน ในประเด็นของการเรียนซ้ำชั้น มีประเด็นที่ สพฐ.ขอซักซ้อมความเข้าใจ ดังนี้
1. การวัดและประเมินผลการเรียน
ให้สถานศึกษาวัดและประเมินผลการเรียนของผู้เรียนเป็นระยะระหว่างเรียน โดยใช้เทคนิคการวัดและประเมินผลอย่างหลากหลาย เพื่อตรวจสอบพัฒนาการความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของผู้เรียน ถ้าพบปัญหา หรือข้อบกพร่องในตัวผู้เรียน ให้ช่วยเหลือ และซ่อมเสริมทันที โดยเฉพาะชั้น ป.1 ต้องพัฒนาให้ผู้เรียนอ่านออก เขียนได้2. การสอนซ่อมเสริม
เพื่อแก้ไขข้อบกพร่อง และพัฒนาผู้เรียน ให้มีความรู้ ทักษะ กรณีที่ผู้เรียนมีผลการประเมินไม่ผ่าน หรือได้ “0” สถานศึกษาต้องจัดสอนซ่อมเสริมให้ผู้เรียนก่อนสอบแก้ตัวนอกเหนือจากการสอนปกติ3. ให้ผู้เรียนสอบแก้ตัว 2 ครั้ง
ครั้งที่ 1 ให้ผู้เรียนยื่นคำร้องสอบแก้ตัว โดยให้ครูประจำวิชา หรือครูประจำชั้นสอนซ่อมเสริม และสอบแก้ตัว ให้เสร็จก่อนเปิดภาคเรียน หรือภาคเรียนแรกของปีการศึกษาถัดไป สอบแก้ตัวครั้งที่ 2 กรณีครั้งที่ 1 ไม่ผ่าน หรือไม่มาสอบแก้ตัว ให้โอกาสสอบแก้ตัวอีก 1 ครั้ง โดยสถานศึกษาแต่งตั้งกรรมการสอนซ่อมเสริม และสอบแก้ตัวให้เสร็จก่อนเปิดภาคเรียน หรือในภาคเรียนแรกของปีการศึกษาถัดไป4. เรียนซ้ำชั้นรายวิชา
ผู้เรียนที่สอนซ่อมเสริม และสอบแก้ตัว 2 ครั้งแล้ว ไม่ผ่านเกณฑ์ประเมินรายวิชา หรือยังได้ “0” ถ้าเป็นรายวิชาพื้นฐานให้เรียนซ้ำชั้นในวิชานั้น ถ้าเป็นรายวิชาเพิ่มเติม ให้เรียนซ้ำชั้นในวิชานั้น หรือเปลี่ยนวิชาใหม่ ทั้งนี้ ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษา กรณีเปลี่ยนวิชาใหม่ ให้หมายเหตุในระเบียบแสดงผลการเรียนว่าเรียนแทนวิชาใด ในการเรียนซ้ำรายวิชาให้อยู่ในช่วงใดช่วงหนึ่งที่สถานศึกษาเห็นว่าเหมาะสม เช่น พักกลางวัน วันหยุด ชั่วโมงว่างหลังเลิกเรียน ภาคฤดูร้อน เป็นต้น5. การเรียนซ้ำชั้น
หากพบปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนกรณีใดกรณีหนึ่ง ซึ่งมีแนวโน้มจะเป็นปัญหาต่อการเรียนในระดับชั้นที่สูงขึ้น ดังนี้ ระดับประถม ผู้เรียนไม่ผ่านรายวิชาเกินครึ่งหนึ่งตามโครงสร้างเวลาเรียน ผู้เรียนชั้น ป.1-2 ได้รับการประเมินแล้วยังอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ คิดเลขไม่เป็น ระดับมัธยม การเรียนซ้ำชั้นของผู้เรียนในระดับมัธยม เมื่อผู้เรียนไม่ผ่านเกณฑ์ข้อใดข้อหนึ่ง ดังนี้ มีผลการเรียนเฉลี่ยในปีการศึกษานั้นต่ำกว่า 1.00 และมีแนวโน้มจะเป็นปัญหาต่อการเรียนในระดับที่สูงขึ้น ผู้เรียนที่มีผลการเรียน “0”, “ร” หรือ “มส” เกินครึ่งหนึ่งของรายวิชาที่ลงทะเบียนเรียนในปีการศึกษานั้นทั้งนี้ การพิจารณาให้เรียนซ้ำชั้นหรือซ้ำชั้นรายวิชา ให้สถานศึกษาดำเนินการในรูปของคณะกรรมการ ให้แจ้งผู้ปกครองและผู้เรียนทราบเหตุผลของการเรียนซ้ำชั้นหรือซ้ำรายวิชา
ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายการุณ สกุลประดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ได้รายงานความคืบหน้าแนวทางการเรียนซ้ำชั้น หลังจากที่ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ มีนโยบายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไปคิดแนวทางดำเนินงาน โดยข้อเสนอของ สพฐ.คือ ให้ซ้ำชั้น ป.3, ป.6 และ ม.3 ได้ลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องถึงการตกซ้ำชั้นแนวใหม่ ที่จะให้ซ้ำชั้น ป.3, ป.6 และ ม.3 มีการให้เรียนซ้ำเป็นรายวิชา หรือซ้ำชั้นในกรณีไม่ผ่านรายวิชาเกินครึ่งหนึ่งของวิชาที่เรียน
ซึ่งจากการลงพื้นที่สอบถามความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องในภูมิภาคต่าง ๆ อาทิ อาจารย์มหาวิทยาลัย ผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ ครู นักจิตวิทยา และผู้แทนผู้ปกครอง ถึง 3 ครั้ง พบว่าในภาพรวมของประเทศเห็นด้วยเรื่องการให้เด็กเรียนซ้ำชั้น ถึงร้อยละ 95.18 และมีข้อสังเกตเรื่องการกระทบจิตใจ ร้อยละ 4.82
ปลัด ศธ.กล่าวต่อไปว่า หลังรับฟังรายงานแล้ว รมว.ศึกษาธิการ ย้ำว่าในการให้เรียนซ้ำชั้นควรมี 3 ขั้นตอน คือ 1.ตรวจสอบให้แน่นอนว่าเด็กเรียนอ่อน มีปัญหาคุณภาพจริงๆ 2.ให้ใช้วิธีการเพื่อนช่วยเพื่อน พี่ช่วยน้องก่อน ครูและผู้บริหารต้องร่วมกันดูแลสอนซ่อมเสริมให้แก่เด็ก และ 3.ต้องสร้างความเข้าใจกับผู้ปกครองให้รับรู้ถึงศักยภาพในการเรียนของลูกหลานตนเอง พร้อมทั้งให้โจทย์ สพฐ.มาคิดต่อว่าหากเด็กต้องเรียนซ้ำชั้นจะดูแลอย่างไร และคงต้องมาดูอีกครั้งว่าควรจะให้ซ้ำที่ชั้นไหนจึงจะเหมาะสมที่สุด เช่น อาจจะเป็นซ้ำชั้น ป.2 ป.5 หรือ ม.2 เป็นต้น
"ขณะนี้นักเรียนกำลังเรียนในภาคเรียนที่ 2/2559 ดังนั้น จะต้องมีกระบวนการในภาคเรียนที่ 2นี้ว่า สถานศึกษาต้องใช้มาตรการต่าง ๆ ร่วมกันดูแลนักเรียนอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้เด็กต้องซ้ำชั้น และวางแผนต่อด้วยว่า ในเดือน มี.ค.2560 หากเด็กต้องซ้ำชั้นจริงๆ เดือน เม.ย.-พ.ค.2560 ช่วงปิดภาคเรียนควรดำเนินการอย่างไรกับเด็กที่ต้องซ้ำชั้น"ดร.ชัยพฤกษ์ กล่าว
ถ้าเด็กสอบได้คะแนน2กว่า แต่ขาดเกิน3วัน ควรจะให้เด็กผ่านนะค่ะ เด็กผู้หญิงด้วยค่ะ เขาบอกว่าถ้าซ้ำเขาจะไม่เรียนต่อ ช่วยหน่อยนะค่ะ ติดต่อใครได้
ตอบลบ