New SAT เป็นอย่างไร ?
การสอบ SAT แบบใหม่ที่จะเริ่มใช้ในประเทศไทยรอบการสอบเดือนพฤษภาคม 2016 นี้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง น้องๆที่มีแผนที่จะสอบ จะต้องรู้อะไรบ้างเพื่อเตรียมตัวสอบได้ถูก วันนี้พี่เลยมาตอบปัญหาข้อสงสัยที่น้องๆถามกันเข้ามาเยอะเหลือเกิน เราไปดูกันครับ
SAT แบบใหม่เริ่มใช้เมื่อไหร่ ?
การสอบ SAT จะเปลี่ยนระบบใหม่โดยใช้ชื่อว่า "Redesigned SAT" หรือ "New SAT" โดยจะเริ่มจากประเทศสหรัฐอเมริกาในเดือนมีนาคม 2016 และประเทศอื่นๆนอกสหรัฐอเมริกาจะเริ่มใช้ SAT แบบใหม่เดือนพฤษภาคม 2016 ซึ่งจะไม่มีการจัดสอบ SAT ในรอบเดือนมีนาคมสำหรับศูนย์สอบนอกประเทศสหรัฐอเมริกามหาวิทยาลัยจะรับคะแนน SAT แบบใหม่เมื่อไหร่ ?
มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะยังคงรับคะแนน SAT ทั้งแบบเก่าและแบบใหม่สำหรับนักเรียนที่จะจบการศึกษาปี 2017 ตั้งแต่รอบสอบเดือนพฤษภาคม 2016 ในประเทศไทยข้อแตกต่างของข้อสอบ SAT เก่าและ SAT ใหม่มีอะไรบ้าง ?
- ลดข้อสอบจากเดิม 3 ส่วน (Math, Critical Reading, Writing) เหลือ 2 ส่วนคือ Math และ Reading & Writing พูดกันแบบง่ายๆก็คือ ข้อสอบใหม่จะรวบ Reading และ Writing เข้าเป็นส่วนเดียวกันนั่นเอง
- ลดเวลาในการสอบจาก 3 ชั่วโมง 45 นาที เหลือ 3 ชั่วโมง
- มี 4 ตัวเลือกแทน 5 ตัวเลือก
- ไม่หักคะแนนหากตอบผิด
- คะแนนรวมสูงสุด คือ 1600 คะแนน ( จากเดิมคะแนนเต็ม 2400 คะแนน )
ติว SAT ใหม่กับครูชาวต่างชาติ คลิกเลย |
เนื้อหาในการออกข้อสอบเปลี่ยนไปอย่างไร ?
ก่อนจะไปดูการสอบ SAT แบบใหม่ มาดู SAT แบบเก่ากันก่อนครับ ซึ่งการสอบแบบเก่านั้นจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ- Critical Reading
- Math
- Writing
ซึ่งคะแนนเต็มแต่ละส่วนคือ 800 คะแนน คะแนนรวมสูงสุดคือ 2400 คะแนน
ดูรายละเอียดการสอบ SAT แบบเดิมได้ที่นี่
ทีนี้มาดูการสอบ SAT แบบใหม่กันบ้างครับ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาการสอบ ปี 2016 ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเนื้อหาการสอบในทุกส่วน เรามาดูรายละเอียดแยกเป็นแต่ละส่วนกันเลยครับ
Reading
ข้อสอบในส่วนนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า Evidence-Based Reading โดยมีคำถาม 52 ข้อ ให้เวลาทำ 65 นาที ในการสอบจะมี 4 Passage และ 1 Pair Passage (หมายถึงมี 2 Passage ที่เขียนโดยผู้เขียนคนละคน แต่พูดถึงเรื่องเดียวกันหรือคล้ายกัน) ในเรื่องต่างๆคือ- Literature – วรรณกรรมต่างๆ
- Founding Documents or Great Global Conversation – เอกสารเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ เช่น รัฐธรรมนูญหรือคำพูดของบุคคลสำคัญของโลก
- Social Studies – เรื่องความรู้ในวิชาต่างๆ เช่น Economics, Geography, Political Science, Psychology
- Science – วิชาวิทยาศาสตร์ (Physics, Chemistry, Biology)
โดยคำถามจะเริ่มจากคำถามกว้างๆก่อน เช่น The main purpose of this passage is to แล้วค่อยๆลงรายละเอียดในคำถามต่อไป
ติว SAT ใหม่ Evidence-Based Reading คลิกเลย |
สิ่งที่แตกต่างจากข้อสอบ Reading แบบเดิมคือ
1. การถามคำศัพท์ จะไม่มีการถามคำศัพท์แบบให้ท่องจำเหมือนแบบเดิม (ให้เติมคำศัพท์จากตัวเลือกลงในช่องว่าง ใครไม่รู้ศัพท์จะไม่มีทางตอบได้เลย) แต่การถามคำศัพท์แบบใหม่จะถามโดยให้อ่านเนื้อเรื่องแล้วถามว่าคำศัพท์ในเนื้อเรื่องคำนั้นน่าจะมีความหมายตรงกับตัวเลือกใดมากที่สุด วิธีนี้ทำให้ผู้สอบสามารถหาคำตอบได้หากสามารถตีความเนื้อเรื่องได้ดี เช่น As used in line 7, “want” most nearly means (A) hardship. (B) desire. (C) lack. (D) necessity.2. มีการให้กราฟ/ ตาราง มานอกเหนือจาก Reading อย่างเดียว โดยคำถามจะให้หาข้อสรุปของข้อมูลในกราฟ/ ตาราง
Writing
ข้อสอบในส่วนนี้มีชื่อเรียกเต็มๆว่า Writing and Language โดยมีคำถาม 44 ข้อ ให้เวลาทำ 35 นาที ในการสอบจะมี 4 Passage ในเรื่องที่คล้ายกับ Passage Reading โดยในแต่ละ Passage จะมีการขีดเส้นใต้คำหรือประโยคจำนวน 11 จุด จากนั้นคำถาม 11 ข้อจะถามว่าส่วนที่ขีดเส้นใต้นั้นผิดหลัก Grammar หรือการเขียนหรือไม่ ถ้าผิด จะต้องแก้เป็นอย่างไร สิ่งที่แตกต่างจากข้อสอบ Writing แบบเดิมคือจะไม่มีการสอบ Error Identification อีกต่อไปMathematics
ข้อสอบในส่วนนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ- No Calculator โดยมีคำถาม 20 ข้อ ให้เวลาทำ 25 นาที (1.25 นาทีต่อข้อ) ข้อสอบในส่วนนี้ห้ามใช้เครื่องคิดเลข แต่ผู้ออกสอบจะใจดี ออกข้อสอบที่ไม่ต้องมีการคำนวณซับซ้อน เช่น การคูณจุดทศนิยมหลายตัว
- Calculator โดยมีคำถาม 38 ข้อ ให้เวลาทำ 55 นาที (1.45 นาทีต่อข้อ) ข้อสอบส่วนนี้ใช้เครื่องคิดเลขได้ตามปกติ โดยส่วนสำคัญคือการเพิ่มเนื้อหาบางอย่างที่ไม่เคยออกสอบข้ามา เช่น Trigonometry
Total Rating ✔
9.2 stars – 2,789 reviews
More Reviews
อ่านรีวิว ทั้งหมดคลิก
แสดงความคิดเห็น
ตอบทุกข้อสงสัยการสอบ SAT ใหม่
inter, News, SAT