เรื่องที่ควรทำเมื่อคิดจะขอทุนการศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่างประเทศ
พร้อมกับแนะนำทุนจากมหาวิทยาลัยจากออสเตรเลียและการเขียน CV ให้ได้ทุน
มีน้องๆหลานคนที่สนใจหาทุนการศึกษาไปเรียนต่อต่างประเทศ วันนี้พี่มีวิธีในการหาทุนและเทคนิคต่างๆเพื่อให้การขอทุนของน้องๆมีโอกาสได้ 100% วิธีง่ายๆ ในการหาทุน ลอง ค้นหาสาขาวิชาที่สนใจ ดู อันดับมหาวิทยาลัยเฉพาะด้าน จะเข้าไปดูในเว็บไซต์ของแต่ละสถาบันและขอข้อมูลโดยตรงก็ได้
ทีนี้เรามาดูว่าจะขอทุนอย่างไรให้มีโอกาสได้ทุนนั้น
1. ขอทุนจากมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้เป็นที่ต้องการมาก
แน่นอนว่าทุนการศึกษาสำหรับมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงโด่งดังนั้นได้รับยากเสียยิ่งกว่ายาก ทั้งข้อกำหนดที่มีระดับสูงกว่าและการแข่งขันกับคนจำนวนมากก็ทำให้โอกาสที่เราจะได้ทุนเหลือน้อยลง Hotcourse ขอแนะนำให้น้องๆ ลองมองมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงน้อยกว่า หรือมีชื่อเสียงเฉพาะด้านดูบ้าง เพราะมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่มักจะมอบทุนการศึกษาให้กับคณะหรือสาขาวิชาที่เฉพาะเจาะจง สำหรับคนที่สนใจเฉพาะสาขาวิชานั้นจริงๆ2. เลือกทุนการศึกษาที่เหมาะกับตัวเอง
โชคดีที่ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่กำลังพัฒนา เพราะหลายๆ มหาวิทยาลัยมีทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนที่มาจากประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะ ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องแข่งขันกับ นักเรียนจากทั่วโลก สิ่งสำคัญนอกจากนี้คือเราต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น สาขาวิชาที่เราสนใจ อายุ เพศ หรือประสบการณ์ด้านการศึกษาและการทำงานก็เป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะสำหรับทุนการศึกษาจากรัฐบาลอย่าง U.S. Fulbright , Chevening British หรือ Australian AusAID ก็ล้วนแล้วแต่ต้องการคนที่มีประสบการณ์ในการทำงานทั้งสิ้นลองตรวจสอบดูว่าทุนนี้เหมาะสมกับเราแค่ไหน
- เรามาจากประเทศที่ทางสถาบันกำหนดหรือเปล่า คุณสมบัติของเราตรงกับความต้องการของทุนนั้นหรือไม่ (เกรดเฉลี่ย สาขาวิชา ประสบการณ์ทำงาน) ระดับการศึกษาของเราเพียงพอกับทุนนั้นๆ (เช่น ถ้าจะสมัครทุนของปริญญาโท เราต้องจบปริญญาตรีก่อน) ในบางกรณีสถาบันการศึกษาของเราต้องรับรองว่าเราสามารถศึกษาต่อในสาขาวิชาที่เราขอทุนได้
- คะแนนการทดสอบทางภาษาของเราผ่านตามที่กำหนด (TOEFL หรือ IELTS)
- เราต้องกลับประเทศเพื่อทำงานใช้ทุน (สำหรับ Development Scholarship)
- เราต้องสามารถแสดงออกว่าเรามีความเป็นผู้นำ และมีประสบการณ์ในการเป็นผู้นำมาก่อน (สำหรับ Leadership Scholarship)
- เราต้องเป็นผู้ชนะการประกวด (สำหรับทุนที่มอบให้กับผู้ชนะเลิศในการประกวดต่างๆ)
- เราต้องมีอายุไม่เกิน .... ปี (แล้วแต่สถาบันกำหนด)
3. เรื่องเอกสารขอทุนเป็นเรื่องสำคัญ
คนที่สมัครขอรับทุนการศึกษาส่วนใหญ่มักจะเป็นคนที่เรียนเก่งและได้เกรดเฉลี่ยสูง ดังนั้นถ้า transcript ของเราเกรดเฉลี่ยไม่ได้ดีมาก อาจจะต้องอธิบายเยอะหน่อยว่าเรามีความเชี่ยวชาญในด้านอื่นๆ เช่นการทำกิจกรรมเพื่อสังคม ประสบการณ์ทำงาน หรือการมีส่วนร่วมในการประกวดแข่งขันต่างๆ ซึ่งจะทำให้เราแตกต่างจากผู้สมัครคนอื่นๆ การเตรียมเอกสารเป็นอีกขั้นตอนที่สำคัญมาก4. เงื่อนไขในการขอทุนของแต่ละสถาบันต้องอ่านให้ละเอียดก่อนสมัคร
การมีความมั่นใจเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ต้องดูด้วยว่าเรามีความหวังจะได้ทุนนี้แค่ไหน (เพื่อไม่ให้เสียเวลาในการสมัคร) โดยเฉพาะทุนที่ให้โอกาสแก่นักศึกษาทั่วโลก โอกาสที่เราจะได้อาจจะน้อยลง ดังนั้นก่อนที่เราจะการคิดจะหาทุนการศึกษาต่อที่ต่างประเทศเป็นเรื่องที่ดีแลน่าส่งเสริม แต่การที่จะขอทุนการศึกษาจากที่ใด มหาวิลัยไหน คณะอะไรเป็นเรื่องที่ต้องคิดพิจารณาให้ดี สิ่งที่ไม่ควรทำเลยคือหว่านขอทุนไปทั่ว ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดี เราควรขอทนเฉพาะที่เราสนใจและมีโอกาสจริงๆเพียง 1-2 ที่เท่านั้นและทุ่มเทให้กับการสมัครอย่างจริงจังและเต็มที่ จะมีโอกาสมากกว่า
ทุนการศึกษามหาวิทยาลัยของรัฐบาลออสเตรเลีย
ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการสนับสนุนด้านทุนการศึกษาอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะจากรัฐบาล มาดูกันว่าทุนที่เปิดให้กับนักเรียนต่างชาติอย่างเราๆมีอะไรกันบ้างAusAid Scholarship
เป็นทุนการศึกษาของรัฐบาลออสเตรเลียโดยตรง โดยทุนประเภทนี้ หมายรวมทั้ง ทุนแบบเต็มจำนวน Australian Development Scholarship (ADS) และ leadership scholarships (ALA) โดย AusAidScholarship นั้นเป็นทุนการศึกษาทั้งสำหรับนักเรียนในระดับปริญญาตรี,โทและเอก รวมถึงการเรียนสายอาชีพด้วย ผู้สมัครสามารถขอรับทุนได้จาก institutes of TAFE และมหาวิทยาลัยออสเตรเลียทุกแห่งที่
เข้าร่วมโครงการ การสมัครจะอยู่ในช่วงประมาณเดือนมีนาคม เมษายน ของทุกปีน
International Research Scholarship postgraduate system (IPRS)
IPRS เป็นทุนแบบเต็มจำนวนที่มีขึ้นเพื่อชักชวนให้นักเรียนเข้ามาเรียนและทำงานด้านวิจัยในออสเตรเลียโดยทุนนี้จะมีระยะเวลา 2 ปี สำหรับการเรียนในระดับปริญญาโท และ 3 ปีสำหรับการเรียนปริญญาเอก ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมานักเรียนที่ได้รับทุน IPRS จะมีโอกาสในการได้รับ Australian Postgraduate Award prize อีกด้วย โดยทุกปีจะมีทุนกว่า 330 ทุนสำหรับนักเรียนจากหลายประเทศทั่วโลก มูลค่าทุน มากถึง 20 ล้านวิธีการสมัครนั้น ก็สามารถสมัครได้ที่มหาวิทยาลัยที่ต้องการเข้าไปเรียนได้เลย หรือ จะติดต่อไปยัง the Higher Education Providers (HEPs) ก็ได้เช่นกัน โดยแต่ละมหาวิทยาลัยก็จะมีช่วงเวลาการสมัครที่แตกต่างกัน แต่โดยมากแล้วก็จะอยู่ในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคม
Endeavour Executive
เป็นทุนการศึกษาทีมอบโอกาสให้กับนักเรียนได้พัฒนาตัวเองสำหรับการเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านธุรกิจ, อุตสาหกรรม, การศึกษา รวมถึงการจัดการภาครัฐ โดยทุนนี้จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการเรียนที่อสเตรเลียตลอด 1-4 เดือน จำนวน 18,500 AUD และสนับสนุนเรื่องค่าครองชีพ, ค่าประกันและค่าเดินทางอีกประมาณ 11,000 AUDทุนนี้ไม่มีข้อกำหนดด้านจำนวน โดยจะมีการมอบในช่วงเดือนมกราคม โดยสามารถเข้าไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของทุน
Postgraduate Scholarship Endeavour Postgraduate system
เป็นทุนการศึกษาแบบเต็มจำนวนสำหรับนักเรียนในระดับปริญญาโทและเอก ที่ต้องการเรียนต่อในหลักสูตรนานาชาติหรือทำงานวิจัย โดยมีหลักสูตรอยู่ที่ 2 ถึง 3 ปีครึ่ง โดยมูลค่าของทุนการศึกษาทั้งหมดนั้น สำหรับการเรียนระดับปริญญาโทจะอยู่ที่ 118,500 AUD และระดับปริญญาเอกจะอยู่ที่ 228,500 AUD ซึ่งทั้งหมดรวมทั้งค่าเทอม, ค่าใช้จ่ายทั่วไป, ค่าเดินทางและค่าประกันแล้วALA Fellowships Leadership Scholarship
คือทุนการศึกษาระยะสั้นของ AusAid program โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้มีนักเรียนเข้ามาทำงานวิจัยในออสเตรเลีย ดังนั้นทุนนี้จึงไม่ได้มอบให้กับนักเรียนโดยทั่วไป แต่จะมอบให้กับองค์กรต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการทำงานวิจัยทั่วโลก ทุนจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายในทุกกรณี รวมถึงค่าใช้จ่ายทั่วไปด้วย โดยมีมูลค่าสูงสุดอยู่ที่ 35,000 AUD โดยจะเปิดรับสมัครตั้งแต่เดือนพฤษภาคมไปจนถึงมิถุนายนการเขียน CV สำหรับสมัครเรียนและขอทุนการศึกษา
การขอทุนอย่างที่ได้บอกไปครับว่าเอกสารประกอบการขทุนเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งเอกสารที่จำเป็นในการยื่นขอทุนการศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่างๆ เช่น
- Transcripts
- จดหมายรับรอง
- personal statement
เรื่องพื้นฐานที่ต้องจำ
ทุกคนมีวิธีพรีเซนต์ตัวเองที่แตกต่างกัน ดังนั้นอย่าลอก CV ตัวอย่างของคนอื่นหรือ Copy วิธีการเขียนแบบของใคร ตัวเราเองเท่านั้นที่รู้จักตัวเองดีที่สุด ดังนั้นเราควรสร้างสรรค์ CV ที่บ่งบอกความสามารถและความเป็นเราให้มากที่สุดจะดีกว่าCV ควรมีความชัดเจน สั้น และกระชับ นอกจากนี้ยังต้องแสดงถึงความเป็นมืออาชีพ การสะกดคำ แกรมม่า แบบอักษร ต้องตรวจสอบให้เรียบร้อย และทุกอย่างต้องเป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกัน ลองปรึกษาอาจารย์หรือเพื่อนที่มีประสบการณ์ หรือจะให้เอเจนซี่คนกลางในการเรียนต่อช่วยจัดการให้ก็ได้ สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่า CV ของเราตอบโจทย์วัตถุประสงค์ที่เราต้องการ
เนื้อหาที่ต้องมีใน CV
ข้อมูลส่วนตัว (Personal information) : ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรติดต่อและอีเมล์ hotcourses ขอแนะนำว่าให้ใช้อีเมล์ที่เป็นชื่อและนามสกุลของตัวเองดีกว่า เพราะดูเป็นทางการและทางเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยจะได้จัดเก็บข้อมูลของเราได้ง่ายๆประวัติการศึกษา (Education) : แนะนำสถาบันที่เราเคยเรียน หลักสูตร ระยะเวลา และผลการเรียนของเรา
ประสบการณ์ทำงาน (Work experience) : แนะนำว่าเราเคยทำงานอะไรบ้าง มีหน้าที่และความรับผิดชอบอะไรที่เราดูแลระหว่างทำงาน
ประสบการณ์การทำวิจัย (Research experience) : เราเคยทำวิจัยเรื่องไหนบ้างและได้ผลลัพธ์อะไร ซึ่งเนื้อหาส่วนนี้จะจำเป็นเมื่อเราสนใจจะสมัครทุน
กิจกรรมนอกหลักสูตร (Extracurricular activities) : แนะนำว่าเราทำกิจกรรมนอกหลักสูตรอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมชมรม หรือการช่วยเหลือชุมชนต่างๆ
รางวัล (Awards) : รางวัลที่เราเคยได้รับ ใบประกาศนียบัตรจากหลักสูตรและกิจกรรมต่างๆ
ทักษะ (Skills) : ลองนึกดูว่าเรามีความสามารถด้านไหนบ้าง ไม่ว่าจะเป็นด้านภาษา โปรแกรมคอมพิวเตอร์ การทำงานเป็นทีม ในส่วนนี้อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสมัครมากยกเว้นทุนหรือมหาวิทยาลัยต้องการคนที่เคยทำงานวิจัยในห้องแลปหรืออื่นๆ
สิ่งที่ไม่ควรลืม
ส่วนใหญ่ CV ของทุกๆ คน จะถูกแบ่งเป็นเนื้อหาตามที่กล่าวมา แต่เราสามารถสร้างความแตกต่างให้กับ CV ของเราได้ด้วยการแสดงออกถึงความสามารถและความเป็นตัวเราให้มากที่สุด ลองคิดว่าอะไรเป็นจุดแข็งที่เราควรจะแสดงให้ทางกรรมการเห็น แต่อย่าโกหกเป็นอันขาดเพราะถ้ามีการสัมภาษณ์ทางกรรมการอาจจะจับผิดได้!
Total Rating ✔
9.2 stars – 2,789 reviews
More Reviews
อ่านรีวิว ทั้งหมดคลิก
แสดงความคิดเห็น
4 เรื่องที่ควรทำเมื่อคิดจะขอทุนไปศึกษาต่อต่างประเทศ
เรียนต่อต่างประเทศ, News