ทำไม ? มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ หรือ NUS กลายเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 2 ของเอเชียและอันดับ 8 ของโลกได้อย่างไรในเวลาแค่ 10 ปี
"เพราะเราเปลี่ยนวิธีการสอน"โปรเฟสเซอร์ Bernard Tan รองอธิการบดีการศึกษา (Vice Provost) ของ NUS บอกกับผม
"เมื่อ 10 ปีก่อนเราก็สอนนักศึกษาด้วยการเล็คเชอร์เหมือนที่อื่นๆ"
แค่เปลี่ยนวิธีการสอนก็เปลี่ยนมหาวิทยาลัยได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ ผมรู้สึกทึ่งมาก
"แล้วอะไรทำให้ NUS ตัดสินใจเปลี่ยนวิธีการสอน" ผมถาม
"ความรู้จากเล็คเชอร์นั้น นักศึกษาเรียนจบแล้วเอาไปใช้ได้แค่ 3 ปีถึง 5 ปี ก็ล้าสมัยแล้ว เราจึงตัดสินใจเปลี่ยนวิธีการสอนจากการสอนแบบเล็คเชอร์ให้ความรู้ มาสอนวิธีการหาความรู้ ให้รู้จักหาความรู้มาแก้ปัญหา"
"Problem-based Learning (การใช้ปัญหาเป็นฐานในการเรียนรู้) ใช่ไหม?" ผมถามเจาะเข้าประเด็น"ใช่ เราเปลี่ยนจากการเล็คเชอร์เป็น Problem-based Learning!"
และผลก็คือในเวลาเพียง 10 ปี NUS ก็ก้าวขึ้นมาเป็นมหาวิทยาลัยท็อปเท็นของโลก! เขาไม่ได้เปลี่ยนหลักสูตร แต่เปลี่ยนวิธีการสอน
คำตอบจาก NUS ยืนยันสิ่งที่ผมได้พบมาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลกว่า สิ่งที่เป็นปัจจัยความสำเร็จของมหาวิทยาลัยชั้นนำไม่ใช่หลักสูตร ไม่ใช่ตึกเรียนทันสมัย แต่คือวิธีการสอน!
แล้ว Problem-based Learning คืออะไร?
NUS ยังใช้เทคนิควิธีการสอนอื่นๆ อะไรอีกบ้างที่ทำให้เขาเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก?การใช้ "ปัญหา" เป็นฐานในการเรียนรู้ (Problem-based Learning) ที่เรียกย่อๆ ว่า PBL
ใช้ได้กับปริญญาตรีทุกคณะหรือไม่?
ทำไมมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (NUS) นำมาใช้แล้วจึงได้ "ผล" ถึงขนาดนี้?
การสอนด้วยการบรรยาย (Lecture-based Learning) จะ "บรรยาย" ก่อนแล้วจึงให้ "โจทย์" และโดยมากจะให้โจทย์กันตอนสอบ แต่ PBL จะกลับกัน คือจะให้ "โจทย์" ก่อน และจะให้นักศึกษาวิเคราะห์ว่าเพื่อจะ "แก้โจทย์" ต้องใช้ "ความรู้" อะไรบ้าง แล้วให้ไปหาความรู้นั้นมาแก้โจทย์ "ผลลัพธ์" ที่ได้คือนักศึกษาจะมีความสามารถในการ "หาความรู้" มา "แก้ปัญหา" หากตรงไหนขาดไปอาจารย์ก็จะเพิ่มเติมให้
"มีอาจารย์จำนวนมากในประเทศของผมเชื่อว่าการใช้ปัญหาเป็นฐานในการเรียนรู้นั้น ใช้ได้เฉพาะคณะทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ เช่น แพทย์ พยาบาล เท่านั้น คณะอื่นๆ จะใช้ได้ต้องเป็นระดับปริญญาโทขึ้นไป จริงไหมครับ" ผมถาม
"ปริญญาโทและปริญญาเอกต้องใช้ปัญหาเป็นฐานในการเรียนรู้อยู่แล้ว ที่ผมบอกว่า NUS เปลี่ยนวิธีการสอน คือเปลี่ยนระดับปริญญาตรี" รองอธิการบดีการศึกษาของ NUS ตอบผม
"ทุกคณะ?" ผมซัก
"ใช่ เราทำทุกคณะ และได้ผลทุกคณะ!"
"นอกจากการใช้ปัญหาเป็นฐานในการเรียนรู้แล้ว NUS ยังให้นักศึกษาลงมือปฏิบัติด้วยไหม?" ผมถามต่อ
"ครับ เราให้ลงมือปฏิบัติด้วย ที่นี่ใช้โครงงานเป็นฐานในการเรียนรู้ (Project-based Learning) ด้วย"
"แล้วโครงงานที่ทำเป็นโครงงานบริการสังคมด้วยหรือเปล่าครับ"
"แน่นอน เราใช้การเรียนรู้โดยการบริการสังคม (Service Learning) ด้วย ว่าง่ายๆ เราใช้การเรียนรู้ทุกวิธีในการทำให้นักศึกษาของเรามีความสามารถในการหาความรู้มาแก้ปัญหาให้สังคมและประเทศของเรา!"
Cr : https://www.facebook.com/prinya.thaewanarumitkul
Dr. Bernard C.Y. Tan |
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ NUS
National University of Singapore (NUS)
Address: 21 Lower Kent Ridge Rd, Singapore 119077
Enrollment: 37,972 (2014)
Founded: 1980
President: Tan Chorh Chuan
Mascot: LiNUS
Colors: Blue, Orange
- จำนวนนักเรียนทั้งหมด 37,972
- ค่าใช้จ่ายต่อปีโดยรวม SG$8700
- ค่าเทอมโดยเฉลี่ยต่อปี ปริญญาตรี SG$19160
- ปริญญาโทและปริญญาเอก SG$30030
- หอในมหาวิทยาลัย SG$3900
Total Rating ✔
9.2 stars – 2,789 reviews
More Reviews
อ่านรีวิว ทั้งหมดคลิก
แสดงความคิดเห็น
แค่เปลี่ยนวิธีการสอนก็เปลี่ยนมหาวิทยาลัยได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ
บทความจาก TutorFerry