เรียนพิเศษ แบบไหนดี ?

มีคนถามกันมาเยอะครับว่า "เรียนพิเศษ" แบบไหนดีที่สุด... 

• แบบสอนสดเป็นกลุ่มใหญ่ (ค่าเรียนถูกหน่อย)

• แบบสอนสดกลุ่มเล็ก (ค่าเรียนสูงขึ้นมาอีกหน่อย)

• แบบเรียนด้วยตำราเรียน (มีครูคอยแนะนำและตรวจแบบฝึกหัด)

• แบบเรียนกับ VDO จะเป็นในห้องเรียนหรือเรียนกับคอมพิวเตอร์ก็เหมือนกัน

• แบบเรียนแบบตัวต่อตัว

เรียนแบบไหนดีกว่า เป็นคำถามที่ตอบยากครับ

ถ้าไม่มีข้อมูลอื่นๆให้เลย เพราะจริงๆแล้วต้องบอกว่า การเรียนพิเศษที่ดีที่สุด คือการไม่ต้องเรียนพิเศษเลยครับ พูดแบบนี้สถาบันกวดวิชาทั้งหลายจะมาต่อว่าผมกันได้นะ แต่ความจริงก็เป็นแบบนั้นจริงๆครับ เพราะถ้าน้องๆตั้งใจเรียนในห้องเรียน ไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามคุณครู ถามในห้องเรียนไม่ได้ก็มาถามนอกห้อง ผมว่าคุณครูในโรงเรียนทุกท่านยินดีที่จะอธิบายให้น้องๆฟังกันทุกคนแหละเพียงแต่ว่าเราไม่ถามเอง และการบ้านที่คุณครูให้มาก็ทำเองทุกข้อ (ห้ามลอกเพื่อน) จะถูกบ้างผิดบ้างก็ทำไป และถ้าจะให้ดีก็หาโจทย์จากที่อื่นมาทำด้วย พวกข้อสอบเก่าๆข้อไหนทำไม่ได้ก็ถามเพื่อนบ้าง เพื่อนช่วยไม่ได้ก็ถามคุณครู นี่แหละคือการเรียนพิเศษที่ดีที่สุด

แต่บางครั้งการเรียนพิเศษ ก็อาจจะจำเป็นเหมือนกัน แต่จะให้บอกว่าการเรียนพิเศษแบบไหนดีกว่ากันคงจะตอบไม่ได้ แต่ถ้าจะให้บอกว่าการเรียนพิเศษแบบไหนเหมาะสมที่สุดสำหรับกรณีต่างๆ แบบนี้ก็พอบอกได้ ซึ่งการเรียนพิเศษแบบไหนจะเหมาะกับเราที่สุดก็ต้องดูที่จุดประสงค์ของน้องๆเป็นหลักครับ ว่ามาเรียนเพราะอะไร เรียนไปเพื่ออะไร รวมถึงความสะดวกเรื่องอื่นๆเช่น เรื่องเวลา เรื่องของสถานที่ การเดินทาง และเรื่องค่าเรียนที่พอใจที่จะจ่าย มาดูกันเลยดีกว่าว่าการเรียนพิเศษแบบไหนเหมาะกับกณีไหนบ้าง

การเรียนพิเศษแบบสอนสดเป็นกลุ่มใหญ่

อาจจะเป็นกลุ่ม 10 หรือ15 คนขึ้นไป (ผมเคยเห็นโรงเรียนกวดวิชาบางที่มีนักเรียนในห้อง 25 คนเลยทีเดียว มากพอๆกับโรงเรียนบางโรงเรียนเลยนะ) การเรียนแบบนี้เหมาะกับน้องๆที่มีพื้นฐานดีพอใช้ และตั้งใจเรียน ต้องการมาเรียนเพื่อจะได้มีประสบการณ์ทำโจทย์แปลกๆใหม่ๆ หรือได้ทำโจทย์สำหรับสอบเข้าเยอะๆ หรือต้องการเทคนิคการทำโจทย์หลายๆรูปแบบ ถ้าเป็นวิชาคณิตศาสตร์จะเหมาะมากที่เป็นแบบคอร์สตะลุยโจทย์อะไรแบบนี้ 

การเรียนพิเศษแบบสอนสดกลุ่มเล็ก

เป็นกลุ่มไม่เกิน 8 คน ก็แล้วแต่ละโรงเรียนจะกำหนดไว้ การเรียนเป็นกลุ่มเล็กแบบนี้ค่าเรียนต้องสูงกว่าแน่นอนอยู่แล้ว จะเหมาะสำหรับน้องๆที่พื้นฐานไม่ค่อยดีนัก ต้องการได้รับคำอธิบายจากคุณครู หรืออาจจะเป็นนักเรียนที่เรียนใช้ได้อยู่แล้วก็ได้และต้องการเก่งมากขึ้นในระยะเวลาที่ไม่นานนัก การสอนแบบกลุ่มเล็กถ้าเป็นโรงเรียนกวดวิชาที่ดีนั้นจะต้องมีการทดสอบวัดระดับของนักเรียนแต่ละคนเสียก่อน เพราะว่าการเรียนแบบนี้จะได้ผลดีนั้นนักเรียนทุกคนต้องมีพื้นฐานพอๆกัน ครูจะสามารถสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเรียนพิเศษแบบเรียนด้วยตำราเรียน 

โดยมีครูคอยแนะนำและตรวจแบบฝึกหัดให้ เช่นโรงเรียนกวดวิชาที่เป็นแบบแฟรนไชส์ชื่อดังแห่งหนึ่ง การเรียนแบบนี้ทางโรงเรียนจะมีตำราเรียนที่ออกแบบมาให้นักเรียนทำแบบเป็นระดับๆ นักเรียนจะได้รับการทดสอบก่อนเริ่มต้นว่าจะอยู่ในระดับไหนต้องใช้ตำราเล่มไหน และนักเรียนก็จะทำ ทำ ทำ และทำโจทย์ทำผิดก็ทำใหม่ ทำถูกก็ผ่านไประดับต่อไป เรียกว่านักเรียนจะทำได้ แบบใช้ความคุ้นเคยหรือแบบชำนาญ การเรียนแบบนี้ผมว่าน่าจะเหมาะกับการเรียนระดับชั้นเริ่มต้น แบบที่เป็นพื้นฐาน

การเรียนพิเศษแบบเรียนกับ VDO

ไม่ว่าจะเป็นการเรียนในห้องเรียนหรือเรียนกับคอมพิวเตอร์แบบที่เรียกว่า Self Learning ก็เหมือนกันซึ่งการเรียนแบบนี้ดีตรงที่ว่า นักเรียนสามารถเลือกเรื่องที่จะเรียนได้ และสามารถเลือกเวลาเรียนได้ (ถ้าเป็นเรียนกับคอมฯจะมีอิสระในการเลือกมาก แต่ถ้าเป็นการเรียนด้วย VDO ในห้องก็จะมีช่วงเวลาเรียนเป็นปัจจัยด้วย) การเรียนแบบนี้เหมาะกับนักเรียนที่อาจจะไม่เข้าใจเนื้อหาเฉพาะบางเรื่องและต้องเป็นนักเรียนที่ตั้งใจเรียนด้วยจึงจะได้ผลดี แต่จะไม่เหมาะกับน้องๆที่มีพื้นฐานไม่ดีเพราะจะไม่มีครูให้คอยถาม และไม่เหมาะกับน้องที่เรียนเก่งและต้องการความรู้ที่สูงขึ้น

การเรียนพิเศษแบบตัวต่อตัว

• เป็นการเรียนกับคุณครูแบบเรียนกันสองคนเท่านั้น ซึ่งการเรียนแบบนี้จะเหมาะกับนักเรียนที่ไม่ธรรมดาจริงๆ ไม่ธรรมดาในที่นี้หมายถึง 
• เป็นนักเรียนที่พื้นฐานวิชานั้นๆไม่ดีเลย จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขเฉพาะส่วนจริงๆ ซึ่งการเรียนตัวต่อตัวนี้ คุณครูจะสามารถวิเคราะห์ถึงพื้นฐานของนักเรียนและหาวิธีแก้ไขได้ 
• ข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือนักเรียนจะกล้าถามครู กล้าที่จะบอกครูว่าไม่เข้าใจตรงไหน เพราะถ้ามีเพื่อนเรียนด้วยน้องอาจจะอาย ไม่กล้าบอกไม่กล้าถามได้ 
• เป็นนักเรียนที่เรียนเก่งและต้องการเก่งขึ้นอีก อาจจะต้องการนำไปใช้ในการสอบเข้า หรือสอบแข่งขัน เพราะว่าการเรียนแบบตัวต่อตัวครูสามารถหาเนื้อหาเสริมมาสอนเพิ่มหรือสอนในเรื่องของการวิเคราะห์เพิ่มเติม และสามารถนำโจทย์แข่งขันมาสอนได้

อย่างไรก็ตามผมก็ยังขอย้ำความคิดเดิมว่า ถ้าน้องๆตั้งใจเรียนในชั้นเรียน ไม่เข้าใจให้ถาม กลับมาบ้านมีการทบทวนเนื้อหาที่เรียนในวันนั้น และทบทวนเป็นระยะๆ ทำแบบฝึกหัดอย่างสม่ำเสมอน้องๆก็ไม่จำเป็นต้องเรียนพิเศษก็ได้ แต่สำหรับน้องๆที่มีเหตุให้ต้องเรียนพิเศษก็เรียนครับ การเรียนจะเป็นแบบไหนก็ดีทั้งนั้นเพียงแต่ว่าเลือกเรียนในแบบที่เหมาะสมกับเราและความต้องการให้มากที่สุด จะได้ไม่เสียเงินฟรีครับ