สำรวจ
แนะนำ
สอบเข้า
ออนไลน์

ครูสอนพิเศษ คุณภาพอันดับ1

หาครูสอนพิเศษตัวต่อตัว คลิกเลย

ค้นหาด้วยเสียง
ค้นหาด้วยเสียงคลิกที่นี่

» » ติวเตอร์ต้องรู้

08 มิถุนายน 2558

ติวเตอร์ต้องรู้

ทำอย่างไรกระบวนการเรียนการสอนนี้จึงจะได้ผลออกมาตามที่ต้องการ

ติวเตอร์ต้องรู้

กระบวนการเรียนการสอน

  • คุณครูหรือติวเตอร์
  • ตำราเรียน ,แบบฝึกปฏิบัติ
  • วิธีการสอน
  • นักเรียน

ทั้งหมดนี้ก็คือ กระบวนการเรียนการสอนนั่นเอง  คำว่ากระบวนการหรือ Process ก็ต้อง มี Input หรือวัตถุดิบ และ Outpit หรือสิ่งที่ได้ออกมา ในกระบวนการเรียนการสอนนี้  Input ก็คือ คุณครู ,ตำราเรียน ,วิธีการสอน และนักเรียนที่ไม่เข้าใจบทเรียน เมื่อผ่านกระบวนการแล้ว สิ่งที่ได้ออกมา หรือ Output คือ นักเรียนที่มีความรู้ในเรื่องนั้นๆ แล้วทำอย่างไร ? กระบวนการเรียนการสอนนี้จึงจะได้ผลออกมาตามที่ต้องการ คือ นักเรียนที่มีความรู้ในเรื่องที่สอนนั้น ทุกอย่างที่อยู่ในกระบวนการนี้สำคัญทั้งหมด 

1.คุณครูหรือติวเตอร์

กระบวนการเรียนการสอนจะได้ผลดี คุณครูถือว่าเป็นส่วนสำคัญลำดับแรก ในกระบวนการเรียนการสอน เพราะครูเก่งสามารถสร้างสรรค์วิธีการสอนที่น่าสนใจได้ สามารถจูงใจให้นักเรียนสนใจเรียนได้ ดังนั้นคุณครูหรือติวเตอร์ที่ดีมีลักษณะอย่างไร

มีความรู้ในเรื่องที่สอน
แน่นอนที่สุดคุณครูต้องรู้ในเรื่องที่สอน ไม่อย่างนั้นจะสอนให้นักเรียนเข้าใจได้อย่างไร แต่ดีกว่านั้นคือนอกจากจะรู้ลึกแล้วต้องรู้รอบด้วย ! หมายความว่าคุณครูต้องรู้เรื่องที่จะสอนอย่างถ่องแท้ คือต้องรู้เรื่องนั้นๆ ตั้งแต่พื้นฐาน จนถึงความรู้ในระดับสูงกว่านั้น เพื่อที่จะสามารถอธิบายให้นักเรียนฟังตั้งแต่จุดเริ่มต้น จนถึงส่วนที่เกินจากเนื้อหานั้นได้ สอนให้เข้าใจได้ทั้งนักเรียนที่อยู่ในระดับปกติ นักเรียนที่อ่อนกว่าปกติและนักเรียนที่เก่งกว่าปกติ และคุณครูต้องรู้รอบ หมายถึงต้องรู้ในทุกๆเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นด้วย ซึ่งการอธิบายเนื้อหาเรื่องหนึ่ง อาจต้องยกตัวอย่างของอีกเรื่องหนึ่งเพื่อให้นักเรียนเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น

มีเทคนิคการสอน
นอกจากจะรู้ลึกและรู้รอบแล้วคุณครูต้องมีเทคนิคการสอนที่ดี คือต้องสามารถถ่ายทอดเรื่องนั้นๆอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ให้นักเรียนเห็นเป็นภาพได้ เข้าใจว่าตรงไหนของเนื้อหามีความสำคัญ มีความยากง่ายอย่างไร 

เข้าใจนักเรียน
คือการที่คุณครูเข้าใจว่านักเรียนเรียนแล้ว เข้าใจหรือไม่เข้าใจอย่างไรตรงไหน เพราะอะไร รู้ว่านักเรียนมีความรู้สึกอย่างไร เครียด ,เบื่อ ,ง่วง หรือกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ เรียกว่ามองตาก็เข้าใจนักเรียนแล้ว 

มีจิตวิทยาการจูงใจ
เมื่อเข้าใจความรู้สึกและอารมณ์ของนักเรียนแล้ว ก็ต้องมีวิธีจูงใจนักเรียน ไม่ว่านักเรียนจะเป็นอย่างไร อยู่ในอารมณ์ไหน ครูต้องสามารถทำให้นักเรียนกลับมาสนใจในเนื้อหาที่กำลังเรียนได้ ซึ่งครูแต่ละท่านอาจมีวิธีการไม่เหมือนกัน วิธีการในการจูงใจให้นักเรียนสนใจเรียน เช่น การใช้น้ำเสียงที่น่าสนใจ ,การใช้ท่าทาง ,การเล่าเรื่อง ,การใช้อุปกรณ์ประกอบ เรียกว่าการสอนของคุณครูอาจจะเหมือนการแสดงละครเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้

มีอารมณ์ขัน
ใช้ควบคู่กับการจูงใจให้นักเรียนสนใจเรียน การมีอารมณ์ขัน ทำให้การสอนน่าสนใจได้ดี เพราะคุณครูที่สามารถอธิบายเรื่องยากๆให้นักเรียนฟังไปขำไปได้ ก็จะสามารถดึงความสนใจของนักเรียนให้อยู่กับบทเรียนได้ตลอดเวลา

เป็นที่ปรึกษาได้
นอกจากจะสอนแล้ว คุณครูควรเป็นที่ปรึกษาที่ดีได้ เพราะคุณครูต้องมีความเข้าใจในตัวลูกศิษย์ ทำให้นักเรียนรู้สึกเชื่อถือและไว้ใจ มีปัญหาอะไรนักเรียนก็มาปรึกษาและได้รับคำแนะนำที่ดีกลับไป สุดยอดคุณครูนั้น คือครูที่ให้ทั้งความรู้ในการเรียน และความคิดในการใช้ชีวิต

เป็นตัวอย่างที่ดี
เมื่อเป็นที่ปรึกษาที่ดี ก็จำเป็นต้องเป็นตัวอย่างที่ดีด้วย การให้คำปรึกษาทั้งปัญหาการเรียนและปัญหาชีวิต การพูดให้ฟังอาจไม่สำคัญเท่าการทำให้เห็นก็ได้ 



2.ตำราเรียน ,แบบฝึกปฏิบัติ

ตำราเรียนหรือแบบฝึกหัด ก็มีความสำคัญเหมือนกัน ครูสอนดีนักเรียนเข้าใจแล้ว แต่การที่จะทำให้ความรู้นั้น ติดฝังแน่นไปกับนักเรียนก็คือการฝึกทำอย่างสม่ำเสมอ แบบฝึกหัดนอกจากจะทำให้นักเรียนเข้าใจได้มากขึ้นแล้ว การผ่านแบบฝึกหัดมากๆนั้นยังทำให้นักเรียนสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้ และแบบฝึกหัดถือเป็นเครื่องมือในการทดสอบนักเรียนว่าเข้าใจอย่างแท้จริงหรือไม่


3.วิธีการสอน

วิธีการสอนก็คือการส่งผ่านความรู้จากคุณครูไปสู่นักเรียน ถ้าการส่งผ่านไม่ดีนักเรียนก็จะไม่สามารถรับความรู้ได้เต็มที่ วิธีการสอนโดยทั่วๆไปแล้ว จะมีดังนี้

การสอนด้วยการอธิบาย
เป็นการสอนที่ใช้กันทั่วไป หมายถึงการอธิบายที่มาที่ไปของเรื่องที่กำลังเรียนอยู่ การอธิบายส่วนใหญ่จะใช้ควบคู่กับการสอนอื่นๆด้วย

การสอนด้วยการทำให้ดู
คือการสอนโดยทำตัวอย่างให้นักเรียนเห็นว่าทำอย่างไร พร้อมทั้งอธิบายวิธีการไปด้วย

การสอนด้วยการให้ทำ
เป็นการสอนโดยให้นักเรียนได้ฝึกทำก่อน ให้นักเรียนได้คิดหาวิธีการเองก่อน เมื่อนักเรียนทำไม่ได้หรือทำผิดพลาด คุณครูจึงมาอธิบายให้ฟังและทำให้ดูเป็นตัวอย่าง

การสอนด้วยการถาม
คล้ายๆกับการสอนโดยให้ทำเอง แต่วิธีนี้คุณครูจะเป็นคอยถามนำทาง แต่ไม่ได้บอกวิธีการตรงๆ คือถามกระตุ้นให้นักเรียนได้คิด และหาวิธีการหรือคำตอบด้วยตัวเอง

การสอนไม่ว่าจะเป็นการสอนวิชาอะไร จะใช้ทั้ง 4 แบบนี้ทั้งสิ้น และส่วนมากจะใช้ควบคู่กันทั้ง 4 แบบขึ้นอยู่กับว่าจะใช้วิธีไหนก่อนหลัง และใช้วิธีไหนเป็นวิธีหลักและวิธีสอนอื่นๆมาประกอบ


4.นักเรียน

สิ่งที่สำคัญมากในกระบวนการสอนอีกอย่างหนึ่ง ก็คือตัวนักเรียนเอง ไม่ว่าคุณครูจะสอนดี มีเทคนิค มีวิธีการสอนที่น่าสนใจขนาดไหนก็ตาม ถ้านักเรียนไม่พร้อมที่จะเรียนก็เปล่าประโยช์ แต่คุณครูเก่งๆสามารถแก้ปัญหานี้ได้ เพราะคุณครูเก่งๆ มีประสบการณ์ในการเจอนักเรียนมาทุกประเภท จะรู้ว่านักเรียนแต่ละประเภทเป็นอย่างไร มีวิธีการจัดการอย่างไร ซึ่งประเภทนักเรียนแต่ละแบบ มีดังนี้

นักเรียนตั้งใจเรียน และเรียนเก่ง
นักเรียนกลุ่มนี้ ทั้งเก่งทั้งตั้งใจเรียน ครูที่เจอนักเรียนแบบนี้เรียกว่าโชคดีมาก เพราะสอนง่ายนักเรียนชอบที่จะเรียนอยู่แล้ว และเรียนรู้ได้เร็ว นักเรียนแบบนี้ชอบที่จะทำแบบฝึกหัดยากๆ และเรียนรู้เรื่องที่ยากขึ้นไปอีก คุณครูที่สอนควรจะเตรียมแบบฝึกหัดยากๆไว้ และสอนในระดับที่สูงขึ้นไปอีกได้

นักเรียนตั้งใจเรียน แต่เรียนไม่เข้าใจ
นักเรียนกลุ่มนี้ตั้งใจเรียน แต่เรียนไม่เข้าใจ อาจเป็นเพราะว่าพื้นฐานไม่ดีมาตั้งแต่แรก เมื่อต้องมาเรียนในระดับที่สูงขึ้นจึงไม่เข้าใจ อย่างไรก็ตามครูผู้สอนต้องหาสาเหตุให้พบและแก้ไขต้นตอของความไม่เข้าใจ การสอนนักเรียนกลุ่มนี้ต้องอธิบายตั้งแต่เรื่องพื้นฐาน และต้องมีการถามเพื่อทดสอบความเข้าใจเป็นระยะๆ และเมื่อจบเรื่องย่อยๆก็ให้ทำแบบฝึกหัดมากๆ มีทั้งแบบง่ายๆที่นักเรียนควรจะทำได้ และแบบที่ต้องใช้ความเข้าใจมากขึ้นถึงจะทำได้ ให้นักเรียนทำเพื่อทดสอบความเข้าใจ เมื่อเข้าใจดีแล้วจึงผ่านไปเรียนเรื่องต่อไป

นักเรียนไม่ตั้งใจเรียน แต่เก่ง
นักเรียนกลุ่มนี้หัวดี เรียนรู้เร็ว แต่ไม่ค่อยตั้งใจเรียน ซึ่งสาเหตุอาจจะเป็นเพราะ เข้าใจแล้วจึงเบื่อหรือไม่ชอบเรียนเรื่องนี้ การสอนนักเรียนกลุ่มนี้ต้องใช้การจูงใจมากหน่อยทำให้สนใจที่จะเรียนได้เดี๋ยวเดียวนักเรียนกลุ่มนี้ก็เข้าใจแล้ว

นักเรียนไม่ตั้งใจเรียนและการเรียนอยู่ในเกณฑ์อ่อน
เป็นกลุ่มที่สอนยากพอสมควร นอกจากจะหัวไม่ดี เรียนรู้ช้าแล้ว ยังไม่ตั้งใจเรียนอีก การสอนนักเรียนกลุ่มนี้ต้องใช้ทางการจูงใจ และเทคนิคการสอนอย่างมาก คือต้องสอนแบบเป็นขั้นเป็นตอนสลับกับการเล่าเรื่องหรือจูงใจให้นักเรียนมาสนใจการเรียน 

นักเรียนที่ถูกบังคับมาเรียน
เป็นกลุ่มนักเรียนที่สอนยากที่สุด เพราะว่านักเรียนกลุ่มนี้ไม่ได้ต้องการมาเรียนอยู่แล้ว หรือไม่สนใจที่จะเรียนเลย อาจมีทัศนคติที่ไม่ดีกับคุณ ครูและการสอนร่วมด้วย การสอนนักเรียนกลุ่มนี้ ต้องสร้างความสนิทสนมกันก่อน ครั้งแรกๆอาจยังไม่ได้มีการสอนมากนัก ต้องทำให้นักเรียนรู้สึกเหมือนไม่ได้มาเรียน เมื่อนักเรยนเริ่มมีทัศนคติดีขึ้นแล้วจึงค่อยๆ ตั้งกฏกติกาในการเรียนโดยให้นักเรียนช่วยออกความเห็น เพื่อให้เกิดการยอมรับ จากนั้นถึงค่อยนำเรื่องของการจูงใจและเทคนิคการสอนมาช่วย

สมัครสอนพิเศษที่บ้านกับเรา

Total Rating ✔

9.2 stars – 2,789 reviews

More Reviews

แสดงความคิดเห็น

ติวเตอร์ต้องรู้

บทความจากหนังสือ